7037 จำนวนผู้เข้าชม |
วิลาสินี ฝนดี
นักจิตวิทยาให้การปรึกษา
โรคเครียดภายหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญ Post-Traumatic Stress Disorder: (PTSD) คือ
ภาวะสุขภาพจิตที่บุคคลได้ประสบกับเหตุการณ์รุนแรงหรือเหตุการณ์สะเทือนใจกับตัวเองหรือ พบเห็นผู้อื่นเผชิญหรือประสบเหตุแล้วเกิดความตกใจ สะเทือนใจจนมีอาการช็อค มีอาการเครียด และเกิดบาดแผลทางใจในช่วงเวลา หนึ่งเดือนต่อมา
Post-Traumatic Stress Disorder ( PTSD) เป็นภาวะความไม่ปกติด้านสุขภาพจิตอย่งหนึ่งซึ่งมีอาการที่คอยรบกวนการใช้ชีวิต เช่น มีความรู้สึกถึงประสบการณ์หรือเหตุการณ์รุนแรงที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง หรือรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในเหตุการณ์รุนแรงที่ผ่านมาช้ำๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนนอนหลับหรือตอนตื่นไม่สามารถควบคุมความคิดเหล่านั้นได้ มีฝันร้าย หรือภาพเหตุการณ์เดิมๆเข้ามาในหัวเหมือนหนังที่ฉายซำ้วนกลับมาอีก เกิดมีภาวะวิตกกังวล ตื่นตระหนก ส่งผลทำให้เกิดการพยายามหลีกเลี่ยงต่อสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้นึกถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงนั้น มีอาการหวาดกลัว ตื่นตะหนดง่าย และวิตกกังวล เครียด จนเป็นภาวะซึมเศร้าและรู้สึกหาทางออกไม่ได้ ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน และรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลา
Post-traumatic stress disorder (PTSD) หรือบาดแผลทางใจ เกี่ยวเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความเครียดจนเป็นความวิตกจริตที่ไม่ปกติ เช่น การถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง ถูกขมขืน รอดชีวิตจากเหตุการณ์รุนแรง รอดตายจากสงคราม รอดตายจากภัยพิบัติ
แต่เกิดผลกระทบด้านจิตใจที่ตามมาภายหลังเหตุการณ์อาจกินเวลาเป็นเดือนหรือเป็นปีกว่าจะเกิดอาการดังกล่าวข้างต้น ซึ่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตนั้นมีมากมาย เช่น ความเครียด ความหวาดกลัว ช็อค แพนิคแอคแทค ฝันร้าย flashback ความทรงจำย้อนกลับมาอีกบ่อยครั้ง จากเหตุการณ์สะเทือนใจที่เกิดขึ้นและสามารถถูกกระตุ้นได้ทุกเมื่อหากเจอความสะเทือนใจเช่นนั้นอีก การเป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญถึงแม้ตนเองจะไม่ได้เป็นเหยื่อแต่การได้เจอหรือประสบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ชิด คนรัก หรือผู้อื่นถูกกระทำต่อหน้าต่อตาก็ก่อให้เกิดอาการ Post-traumatic stress disorder (PTSD) ขึ้นเหมือนเสมือนเป็นผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงหรือถูกกระทำได้เช่นกัน
หลายคนสามารถหายจากอาการ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD)ในระยะสั้น และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ แม้ว่าจะเจอกับความยากลำบากในการปรับตัวหรือใช้ชีวิตในการอยู่อย่างทุกข์ทรมานใจบ้าง แต่การดูแลตัวเองที่ดีและไปพบผู้เชี่ยวชาญในการทำบำบัดบาดแผลทางใจจะสามารถช่วยให้ผู้ประสบเหตุสามารถกลับมาใช้ชีวิตและฟื้นคืนสภาพจิตใจกลับมาดีได้อย่างถาวร
ในปัจุบัน EMDR Therapy และ Brainspotting therapy ถือว่าเป็นเครื่องมือทางด้านจิตวิทยาในการทำบำบัดบาดแผลทางใจที่ทรงพลังและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเวลาอันรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเราควรระหนักรู้ในเรื่องระดับความรุนแรงของอาการ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) เพื่อจะได้ดูแลตัวเอง และประเมินตัวเองเบื้องต้นก่อนการมาพบผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาได้
ระดับขั้นของอาการ post-traumatic stress disorder (PTSD)
1. ขั้นช็อค ตั้งตัวไม่ทัน คือภาวะที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรง สะเทือนขวัญที่ประสบกับตัวเองหรือเป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์นั้นด้วยตัวเอง
2. ขั้นปฎิเสธ ไม่ยอมรับ และมีอาการนิ่ง เย็นชา ขั้นนี้เป็นการปฎิเสธที่จะยอมรับว่ามีสิ่งนี้เกิดขึ้น การแสดงออกของอาการที่เฉยชาไร้ความรู้สึกเป็นกลไกการป้องกันตัวเองเพื่อลดความเครียดหรือวิตกกังวล การรักษาต้องช่วยให้ผ่านพ้นขั้นนี้ไปให้ได้จึงจะสามารถไปต่อในขั้นต่อไปได้
3. ขั้นการถูกรบกวนซ้ำซาก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สภาพจิตใจกำลังหาทางจัดการกับสถานการณ์เลวร้ายที่ได้เกิดขึ้น ในขั้นนี้อาจมีฝันร้าย ภาพอดีตความทรงจำอันเลวร้ายย้อนกลับมา ถึงแม้ว่าเราจะคิดว่าเหตุการณ์เหล่านั้นผ่านไปนานแล้วก็ตาม แต่มันยังวนเวียนและยังอยู่ในความคิดทำให้เกิดมีอาการเศร้า เสียใจ หงุดหงิด หมดหวัง สิ้นหวัง หรือไม่สามารถควบคุมความคิดที่รบกวนจิตใจได้
4. การฟื้นคืนสภาพจิตใจในระยะสั้น ในขั้นตอนนี้หลังจากจิตใจได้ทำการต่อสู้เอาชนะกับความลำบากต่างๆที่ได้เจอและเกิดการยอมรับ จิตใจก็เริ่มฟื้นฟูและกลับมาสู่ภาวะปกติตามขั้นพื้นฐานของการอยู่รอด เป็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่การมีชีวิตรอด แต่ยังมีการถูกรบกวนซ้ำซากในความคิดยังคงเกิดขี้น ส่งผลต่อความเครียดและรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลา
5. การปรับโครงสร้างสำหรับการฟื้นคืนสภาพทางจิตใจอย่างถาวร สำหรับคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานและมีบาดแผลทางใจนั้น การเปลี่ยนโครงสร้างและกลไกป้องกันทางด้านจิตใจของตนเองให้กลับมาเข้มแข็งโดยไม่ทุกข์ทรมานหรืออ่อนไหวต่อสิ่งกระตุ้นที่เคยได้รับจากเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้นเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นในขั้นตอนนี้จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและนักจิตวิทยาในการทำบำบัดด้านบาดแผลทางใจ หรือ post-traumatic stress disorder ( PTSD)
เหตุการณ์ความกลัว หวาดระแวง ที่ส่งผลต่อความเครียดและเกิดเป็นความเจ็บป่วยด้านจิตใจและร่างกาย ส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าดังนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาจึงจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างกระบวนการทางความคิดและความทรงจำโดยใช้การทำจิตบำบัดที่เป็นเทคนิคด้านจิตวิทยาในการทำงานลงลึกถึงระบบการทำงานของประสาทและสมอง เพื่อให้สภาพจิตใจได้ฟื้นคืนและกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติโดยไม่ถูกรบกวนจิตใจได้อย่างถาวร
อย่างไรก็หลักจากการรักษาด้วยจิตบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาแล้วการฝึกฝนวิธีคิดแบบใช้จิตวิทยาเชิงบวกเข้ามาช่วยก็สามารถส่งเสริมประสิทธิภาพการรักษาโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD)ได้อย่างดีขึ้นอีกด้วย
จิตวิทยาเชิงบวก หรือ Positive Psychology สามารถส่งเสริมการรักษาโรคเครียดจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญได้อย่างไร?
หลังจากการบำบัดด้วยเทคนิคทางจิตวิทยาในการรักษาPost-Traumatic Stress Disorder (PTSD) อันเป็นผลมากจากสมองยังมีความทรงจำด้านลบที่ยังค้างอยู่และยังไม่ได้ผ่านกระบวนการจัดการให้ความทรงจำนั้นให้ได้ไหลโฟลแล้ว นักจิตวิทยาจะเสริมด้วยการใช้หลักวิธีการบำบัดด้วยจิตวิทยาเชิงบวกเพื่อให้สมองที่มีความทรงจำแทนที่ด้านลบด้วยความคิดเชิงบวก การใส่ประสบการณ์ด้านบวกเข้าไปแทนที่ จะช่วยให้สมองและระบบประสาทมีการเชื่อมต่อกันและทำงานอย่างเชื่อมโยง หากสมองมีความคิดทางลบที่เกิดจากประสบการณ์แย่ๆ สมองจะถูกรบกวนให้เกิดมีความคิดและการกระทำที่เป็นปัญหา เช่นอาจนำสู่การไปหาทางออกที่ไม่เหมาะสม ติดยาเสพติด หรือมีอารมณ์แปรปรวนที่ผิดปกติอันเนื่องมาจากความเครียด
แต่หากการใช้จิตวิทยาเชิงบวกในการส่งเสริมหลังการทำจิตบำบัดเพื่อรักษา Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) นั้น จะช่วยให้สมองได้รับการกระตุ้น มุ่งเน้นเป้าหมายในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแทนความคิดลบ
ด้วยการใช้หลักการปรับเปลี่ยนความคิดหรือพฤติกรรมที่ส่งเสริมให้ไปถึงจุดหมายความสำเร็จ มีความหวังกับสิ่งที่กำลังทำ มีความสุขในการใช้ชีวิต และเห็นคุณค่าในตัวเอง ให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอมีการวัดระดับความสุขโดยการใช้สเกลในรูปแบบต่างๆรวมทั้งวัดระดับสุขภาพจิตที่เพื่อได้รับการแก้ไขหากผิดปกติ
จากงานวิจัยพบว่าประสิทธิภาพของจิตวิทยาเชิงบวกนั้นจะส่งผลดีและเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตต่างๆ เช่น โรคซึมเศร้า หรือโรคเครียดได้ดียิ่งขึ้นหากมีการตรวจเช็คประเมิน หรือมีการทำแบบทดสอบความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้าตั้งแต่เนิ่นๆ
หัวใจหลักของ จิตวิทยาเชิงบวก (Positive psychology) คือนำมนุษย์ไปสู่ประสบการณ์ด้านดีในการใช้ชีวิตอยู่บนโลก Positive psychology
จิตวิทยาเชิงบวกแบ่งออกเป็น3 ระดับคือ
1 ระดับข้างในจิตใจของตัวเอง คือ ความคิด ความรู้สึก มุมมองที่เป็นบวกที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของตัวเอง
2 ระดับตัวตนของตัวเอง คือ การดำเนินชีวิตอยู่แบบมีกำลังใจ มีความหวัง มีการให้อภัย มีความรัก และมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำ
3 ระดับสังคมที่รอบข้าง การมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น มีความรับผิดชอบ ห่วงใยกันและกัน
จิตวิทยาเชิงบวกช่วยให้เราค้นพบศักยภาพในการพัฒนาตัวเองและยังทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความหมาย มีพลัง ความหวังและกำลังใจ
ด้วยกุญแจสำคัญดังนี้ทำให้เรามองเห็นบุคลิคกาพที่โดดเด่นของตนเอง จุดแข็งจุดอ่อน ยอมรับด้านดีและด้านลบในตัวเอง มองบวก ฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง มีการฟื้นคืนสภาวะทางจิตใจได้ดี และมีความพยายามมานะบากบั่นในการฝ่าฟันกับอุปสรรค มีการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย และมองเห็นการเจริญเติบโตก้าวหน้าของชีวิต การรักษา Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) นั้นนักจิตวิทยาต้องใช้เทคนิคทางจิตวิทยาด้านอื่นๆเข้าร่วมในการบำบัดจิตใจให้ผู้มารับบริการด้วยทั้ง EMDR Therapy และ Brainspotting Therapy
อย่างไรก็ตามยังมีเทคนิคที่เกิดขึ้นใหม่ในเชิงการรักษาบาดแผลทางใจที่มีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายอีกมากมาย ในที่นี้จะของยกตัวอย่างมา5 เทคนิคที่สำคัญดังนี้
5 เทคนิคนี้ถือเป็นเทคนิคที่มีการพิสูจน์มาแล้วจากทั่วโลกว่าได้ผลเป็นอย่างยิ่งมีประสิทธิภาพต่อการรักษา Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) ในระดับสากล ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา หรือ นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา
วิธีการบำบัด Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) 5 แบบที่ผู้เชี่ยวชาญ หรือ นักจิตวิทยานิยมใช้
การบำบัดรักษาโรคเครียดจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) ของนักจิตวิทยาโดยไม่ใช่ยาที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ถือว่าเป็นเทคนิคที่ปลอดภัยต่อผู้มารับบริการ และมีประสิทธิภาพในการรักษาเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อย่างไรก็ตามโรคเครียดจากเหตุการณ์สะเทือนใจ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) หรือบาดแผลทางใจนั้นมีความซับซ้อนและไม่เหมือนกันของแต่ละคน รวมทั้งยังมีระดับความรุนแรงก็ไม่เท่ากัน
ดังนั้น ควรปรึกษานักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญถึงเทคนิคและวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเองก่อนทำการบำบัด
อ้างอิง:
1. บทความวิชาการที่ตีพืมพ์%20ครั้งที่%203.pdfโรคเครียดภายหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญกับจิตวิทยาเชิงบวก
2. Post-Traumatic Stress Disorder and Positive Psychology
3 www.socialworkdegreeguide.com/lists/5-non-medicinal-treatments-for-ptsd/
4. https://www.verywellmind.com/what-is-positive-psychology-2794902
5. https://positivepsychology.com/post-traumatic-growth-worksheets/
6. https://positivepsychology.com/positive-psychology-and-mental-health/