105 จำนวนผู้เข้าชม |
EMDR ช่วยบำบัดบาดแผลทางใจของการถูกทอดทิ้งในวัยเด็กได้อย่างไร?
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner
Eye Movement Desensitization and Reprocessing (EMDR) เป็นการทำจิตบำบัดที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาปมค้างใจ หรือบาดแผลทางใจ (trauma) โดยเฉพาะประสบการณ์ที่ฝังลึกในความทรงจำ ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงต้นๆ ของชีวิต เช่น การถูกทอดทิ้ง (abandonment) ซึ่งจัดอยู่ในประเภทของประสบการณ์ด้านลบที่มีผลต่อพัฒนาการ (developmental trauma)
EMDR ช่วยรักษาบาดแผลจากการถูกทอดทิ้งในวัยเด็กได้อย่างไร?
1. EMDR เข้าถึงและประมวลผลความทรงจำบาดแผล
ประสบการณ์การถูกทอดทิ้งมักถูกเก็บในความทรงจำแบบฝังลึกโดยไม่รู้ตัว (Implicit Memory) EMDR ช่วยให้ผู้รับการบำบัด “เข้าถึง” ความทรงจำบาดแผลนั้น โดยไม่จำเป็นต้องเล่าอย่างละเอียด การกระตุ้นสมองสองด้าน (bilateral stimulation) เช่น การเคลื่อนไหวของตา หรือเสียงซ้าย-ขวา ช่วยให้สมอง "ประมวลผลใหม่" (reprocess) และลดความไวต่ออารมณ์ลบที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น
2. EMDR ช่วยลดความเชื่อของตนเองที่เกิดจากการถูกทอดทิ้ง
เด็กที่ถูกทอดทิ้งมักเติบโตมาพร้อมกับ core negative beliefs เช่น
“ฉันไม่สำคัญ”
“ไม่มีใครรักฉัน”
“ฉันถูกทิ้งเพราะฉันไม่ดีพอ”
EMDR ใช้เทคนิค Installation Phase ในการปลูกฝัง ความเชื่อใหม่ที่เป็นบวก เช่น
“ฉันมีคุณค่า”
“ฉันสามารถดูแลตัวเองได้”
“ฉันคู่ควรกับความรักและการดูแล”
3. EMDR ช่วยเยียวยาความรู้สึกของการขาดความปลอดภัย
เด็กที่ถูกทอดทิ้งมักขาดความผูกพันต่อบุคคล (attachment figure) ที่มั่นคง จึงพัฒนาเป็นรูปแบบความผูกพันที่ไม่ปลอดภัย (insecure attachment)
จิตบำบัดแบบ EMDR ช่วยให้ผู้รับการบำบัดได้ตระหนักถึงและรับรู้ถึงอารมณ์ที่ยังค้างคา เช่น ความกลัว ความเศร้า ความโกรธ ผ่านกระบวนการบำบัด ผู้รับการบำบัดจะรู้สึก “ปลอดภัย” กับความรู้สึกเหล่านั้นมากขึ้น
4. จิตบำบัดแบบ EMDR ช่วยเปลี่ยนรูปแบบความสัมพันธ์ในปัจจุบัน
บาดแผลจากการถูกทอดทิ้งอาจส่งผลให้ผู้ใหญ่มีปัญหาในความสัมพันธ์ เช่น กลัวการถูกทิ้งอีกครั้ง (abandonment fear) การพึ่งพิงผู้อื่นมากเกินไป หรือการผลักไสคนใกล้ตัว จิตบำบัดแบบ EMDR ช่วยทำให้ความรู้สึกเหล่านี้ ไม่สามารถมีอิทธิพลกับชีวิตในปัจจุบันได้ อีกต่อไป ส่งผลให้ผู้รับการบำบัดสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่มีสุขภาพดีขึ้นได้
ขั้นตอนการประเมินและวางแผนบำบัดด้วย EMDR therapyจากบาดแผลทางใจของการถูกทอดทิ้ง
(EMDR Assessment & Treatment Planning for Abandonment Trauma)
1. การเก็บข้อมูลเบื้องต้น (History Taking)
รวบรวมข้อมูลประวัติชีวิตที่สำคัญ เช่น:
2. ประเมินอาการในปัจจุบัน (Presenting Symptoms)
อาการที่เกี่ยวข้องมักพบ ได้แก่:
3. ระบุเป้าหมายในการบำบัด (Target Selection)
เลือกเหตุการณ์บาดแผลที่เกี่ยวข้องกับ abandonment โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่:
4. ประเมินความเชื่อเชิงลบ (Negative Cognitions)
ตัวอย่างความเชื่อเชิงลบจากการถูกทอดทิ้ง:
5. วางแผนการบำบัด (Treatment Plan Design)
กำหนดลำดับของเหตุการณ์ (Target Sequence Plan) เช่น:
การบำบัดจะใช้ EMDR Protocol 8 ขั้นตอนอย่างครบถ้วน:
1. ประเมิน
2. เตรียมตัว
3. ประเมินเป้าหมาย
4. Desensitization
5. Installation
6. Body Scan
7. ปิดการบำบัด
8. ประเมินในครั้งถัดไป
EMDR ช่วยลดอาการ PTSD จากการถูกทอดทิ้งได้อย่างไร?
1. ทำให้สมอง “ปรับรูปแบบมุมมองใหม่” ต่อความทรงจำที่ทำให้เจ็บปวด
2. เปลี่ยนความเชื่อจำกัดเกี่ยวกับตัวเอง
งานวิจัยของ Shapiro (2001) รายงานว่าผู้ที่เคยถูกทอดทิ้งรู้สึก การรับรู้คุณค่าในตนเอง (self-worth) เพิ่มขึ้น และอาการถูกกระตุ้นลดลง หลังจบการบำบัดแบบ EMDR
3. ลดอาการที่เกิดขึ้นซ้ำซ้อน เช่น flashback การถูกกระตุ้นจาก triggers ในชีวิตประจำวัน
เมื่อความทรงจำบาดแผลได้รับการแก้ไขจะเกิดสิ่งนี้
เหตุผลที่จิตบำบัดแบบ EMDR ทำให้ผู้รับการบำบัด “รู้สึกปลอดภัย” กับความรู้สึกเดิมมากขึ้น มี 4 ประเด็นสำคัญ:
1. จิตบำบัดแบบ EMDR แยก "อารมณ์เจ็บปวด" ออกจาก "ปัจจุบัน"
ในคนที่มีบาดแผลจาก trauma สมองมักจะตีความว่า เหตุการณ์ในอดีตยังคงเกิดอยู่ตอนนี้ (เช่น รู้สึกเหมือนยังถูกทิ้งอยู่ทุกครั้งที่คู่รักหายไป) แต่ EMDR ช่วยให้สมอง จัดระเบียบใหม่ (reprocess) โดยส่งข้อความว่า
“เหตุการณ์นั้นเป็นอดีตไปแล้ว และฉันปลอดภัยในปัจจุบันนี้”
เมื่ออารมณ์เชิงลบถูกวางไว้ใน "บริบทของอดีต" ผู้รับการบำบัดจึงเริ่มรู้สึกปลอดภัยกับการระลึกถึงมัน — โดยไม่ถูกกลืนโดยความกลัวหรือเจ็บปวดอีกต่อไป
2. Bilateral Stimulation ช่วยลดการตอบสนองจากระบบประสาทภัยคุกคาม และช่วยเพิ่มการรับรู้กับปัจจุบันขณะมากขึ้น
ระหว่างจิตบำบัดแบบ EMDR ผู้รับการบำบัดจะเคลื่อนไหวตา (Eye movement) หรือรับสัมผัส (Tapping) หรือด้วยเสียง (tone) สลับซ้าย-ขวา
การกระตุ้นสมองสองด้านนี้ช่วย:
4. เกิดความมั่นคงภายใน (Internal safety)
เมื่อผ่านการบำบัดหลายรอบ:
ทั้งหมดนี้ค่อยๆ หลอมรวมเป็น “ความปลอดภัยจากภายใน” (Internal sense of safety) ซึ่งเป็นรากฐานของ self-worth และความสัมพันธ์ที่มั่นคง
เปรียบเทียบก่อน-หลังการทำ
บำบัดด้วย EMDR Therapy
ก่อนทำจิตบำบัด EMDR
บทสรุป
ทำไม EMDR จึงได้ผลกับการรักษาtrauma จากการถูกทอดทิ้ง
1. EMDR ช่วยปลดล็อกความรู้สึกติดค้างในสมอง
สมองมักจมอยู่ในความเชื่อเดิม เช่น “ไม่มีใครต้องการฉัน” EMDR ช่วยประมวลผลและปลดปล่อยความรู้สึกนั้น
2. EMDR เชื่อมโยงกับความจริงในปัจจุบัน
จากเดิมที่รู้สึก ยังติดอยู่ในอดีต ปต่EMDRช่วยทำให้สามารถรู้สึกได้ว่า “ฉันโตแล้ว ฉันมีอิสระ”ได้จริง
3. EMDR เสริมพลังภายใน (Resourcing)
ก่อนเข้าสู่บาดแผล EMDR จะเตรียม “พื้นที่ปลอดภัย” ในใจ ช่วยให้ผู้รับการบำบัดรู้สึกมีที่พักใจเมื่อกระทบอารมณ์รุนแรง
4. EMDR เปลี่ยน “ความเชื่อหลัก” (core belief)
จาก “ฉันไม่มีคุณค่า” เป็น “ฉันคู่ควรกับความรัก” โดยที่ไม่ต้องใช้เหตุผลแต่เกิดจากความรู้สึกจริง
ข้อควรจำ