76520 จำนวนผู้เข้าชม |
นักจิตวิทยาคือใคร และ มีหน้าที่อะไร
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner
นักจิตวิทยาคือใคร?
นักจิตวิทยาเป็นผู้ที่ศึกษาลงลึกด้านจิตใจของมนุษย์และเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านสภาวะทางจิตใจ และอารมณ์ที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม ทัศนคติ และการใช้ชีวิตของคน นักจิตวิทยาไม่ได้ทำหน้าที่แค่ให้คำปรึกษาแนะนำหรือ talk therapy อย่างเดียวเท่านั้น แต่นักจิตวิทยายังทำบำบัดรักษาด้านจิตใจ รวมทั้งพัฒนาการศึกษาทางด้านจิตวิทยาที่ครอบคลุมไปถึงปัญหาทางด้านจิตใจที่ซับซ้อนลึกลงไปในอีกหลายส่วน โดยเฉพาะด้านการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของคน และพฤติกรรมการตอบสนองของสัตว์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ ซึ่งงานวิจัยและการทดลองถือเป็นหนึ่งในงานที่สำคัญของนักจิตวิทยาเลยทีเดียว
งานของนักจิตวิทยามีอะไรบ้าง?
นักจิตวิทยาใช้ความรู้ด้านจิตวิทยาที่ได้จากการร่ำเรียน จากการศึกษาทดลองและการทำวิจัยมาช่วยแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพจิตให้แก่ผู้ป่วย นักจิตวิทยานำศาสตร์ด้านจิตวิทยามาช่วยบำบัดอาการเจ็บป่วยทางจิตใจที่ส่งผลกระทบต่อความคิดลบที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและผู้อื่น ผลกระทบต่อบุคคลิคภาพและการแสดงออกทางพฤติกรรมที่สร้างปัญหาในลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะสุขภาวะทางจิตใจที่เกิดมาจากภาวะความเครียด วิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า ปัญหาอุปสรรค์ต่างๆในชีวิต
นักจิตวิทยาใช้เทคนิคด้านจิตวิทยาและศาสตร์ความรู้ด้านจิตวิทยามาผสมผสานในการช่วยเหลือบำบัดด้านจิตใจให้คนไข้ดีขึ้นจากอาการเจ็บป่วย รวมทั้งยังได้ช่วยเหลือสังคมด้วยการนำผลงานวิจัยในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลลัพธ์เป็นที่ยอมรับและผ่านความเห็นชอบจากสมาคมนักจิตวิทยาระดับสากลมาเผยแพร่ เพื่อแบ่งปันความรู้ในงานวิจัยที่เป็นประโยชน์นี้ให้กับมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาเพื่อเผยแพร่ให้ผู้คนทั่วไปได้ประโยชน์ต่อไป
การกระจายความรู้และงานวิจัยของนักจิตวิทยาไปในหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรอิสระที่ต้องการการอบรมผู้ที่สนใจเพื่อนำไปต่อยอดสร้างประโยชน์ต่อการช่วยเหลือผู้คนในสังคมทางด้านสุขภาพจิตถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งและเป็นแนวป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพจิตก่อนสายเกินแก้ไข นักจิตวิทยาเน้นรักษาบำบัดอาการทางด้านจิตใจโดยวิธีจิตบำบัดจิตธรรมชาติ เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของสมองและความคิดที่ส่งผลต่ออาการเจ็บป่วยทางจิตและให้ความรู้ด้านสุขภาวะทางจิตที่ดีกับคนไข้โดยไม่เน้นการพึ่งยาเคมีที่มักส่งผลกระทบข้างเคียงมากมากตามมา
ศาสตร์ทางด้านจิตวิทยามีอะไรบ้าง?
ศาสตร์ด้านจิตวิทยาแตกแขนงไปในหลายสาขา ในแต่ละสาขามีการศึกษาลงลึงเฉพาะทางและเกี่ยวข้องกับการศึกษาและงานวิจัยสามารถแบ่งเป็นสาขาใหญ่ๆได้ 3 ประเภทดังนี้
มาตรฐานและ การอบรม
นักจิตวิทยาทุกแขนงสาขาต้องได้รับการรับรอง ผ่านการเรียนจบหลักสูตรที่กำหนดไว้อย่างมีมาตรฐาน และต้องผ่านการอบรมต่อยอดในสาขาวิชาเฉพาะที่ตนเลือกตามที่สนใจและถนัด โดยยึดถือชั่วโมงการฝึกปฎิบัติจนเชี่ยวชาญเป็นสำคัญ ต้องสามารถนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาด้านทฤษฎีมาประยุกต์ใช้เพื่อทำการบำบัดรักษาผู้มารับบริการได้อย่างเชี่ยวชาญภายใต้การกำกับดูแลจากหัวหน้าหน่วยงานที่ไปปฎิบัติหน้าที่ หรืออยู่ในการควบคุมคุณภาพด้านการบำบัดรักษาอาการป่วยทางจิตใจจากอาจารย์นักจิตวิทยาอาวุธโสจนผ่านการรับรองมาตรฐานและพร้อมที่จะสามารถออกไปสู่การปฎิบัติงานจริงได้
นักจิตวิทยา และ จิตแพทย์
หลายคนมีความสงสัยและไม่แน่ใจว่าความแตกต่างระหว่างการทำงานของผู้เชี่ยวชาญทั้งสองอาชีพทั้งนักจิตวิทยาและจิตแพทย์เป็นอย่างไรและควรไปพบใครเมื่อถึงเวลาจำเป็นที่ต้องการความช่วยเหลือด้านจิตใจ
อธิบายให้เข้าใจดังนี้ว่าทั้งนักจิตวิทยาและจิตแพทย์มีความสำคัญต่อการช่วยเหลือดูแลด้านจิตใจของเรา
จิตแพทย์จะเน้นใช้ยาเป็นหลัก
เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญเรื่องการใช้ยาบำบัดอาการทางจิตเวชดังนั้นโรคที่เกี่ยวกับจิตเวชที่มีผลต่อสมอง เช่น ภาพหลอน หูแว่ว สารเคมีในสมองไม่สมดุลย์ตั้งแต่กำเนิด หรือเพิ่งเกิดเนื่องจากสาเหตุจากสารเสพติด มีอารมณ์แปรปรวนควบคุมตัวเองไม่ได้ คลุ้มคลั่ง ทำร้ายตัวเองและผู้อื่น การใช้ยาอาจช่วยระงับอาการให้สงบลงได้แต่ควรได้รับการเห็นชอบจากจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
นักจิตวิทยาเชี่ยวชาญเรื่องปัญหาชีวิต
ทักษะในการใช้ชีวิต ภูมิหลัง ปมบาดแผลทางใจ (Trauma) ปัญหาการเลี้ยงดู สภาพแวดล้อมที่กระตุ้นคอยรบกวนจิตใจ ปมอดีตที่ไม่ได้รับการแก้ไข สาเหตุต่างๆที่ส่งผลทำให้เกิดความเครียด ซึมเศร้า อารมณ์ไม่ปกติควรได้รับการบำบัดด้วยการปรับพฤติกรรม ปรับทัศนคติ ความคิดหรือทำจิตบำบัดที่เข้าไปทำงานตรงกับสมองส่วนลึกและส่วนกลางด้านความทรงจำเพื่อให้มีการทำงานด้านสมองส่วนความทรงจำที่ไหลเวียนดีขึ้น ทำให้การใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงสุขภาพด้านจิตใจกลับมาแข็งแรงดีขึ้นและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขต่อไป
การศึกษาและพื้นฐานความรู้ที่แตกต่างกัน
ทั้งสองผู้เชี่ยวชาญมีความรู้และทักษะที่แตกต่างกันจึงทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ที่หลากหลายในการให้บริการเพื่อการรักษาที่เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพต่อผู้มารับบริการ
นักจิตวิทยาเปรียบได้กับหมอทางด้านจิตใจ ที่คอยช่วยคนให้เรียนรู้ที่จะจัดการกับสถานการณ์ความเครียดต่างๆในชีวิต ช่วยให้คนสามารถเอาชนะอุปสรรค์ภายในใจที่อ่อนแอของตัวเอง และสามารถใช้ชีวิตพึ่งตัวเองได้อย่างถูกวิธี และไม่เลือกบรรเทาความเจ็บปวดด้านจิตใจเพียงชั่วคราวที่ผิดวิธี เช่นการไปติดยาเสพติด การติดสุรา หรือเสพติดอบายมุขบางสิ่งบางอย่าง
อาการเจ็บป่วยทางใจที่ฝังลึกยาวนานส่งผลต่อการบั่นทอนร่างกายและเป็นปัญหาเรื้อรังต่อสุขภาพใจจนส่งผลต่อการแสดงออกทางด้านบุคคลิคภาพที่บกพร่อง โรคเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล eating disorders OCD นอนไม่หลับ โรคจิตเภทต่างๆ ล้วนมีสาเหตุและที่มาที่ไปที่หลากหลายแตกต่างกันที่มาจากปมในอดีตหรือบาดแผลทางใจที่ไม่ได้รับการแก้ไข
นักจิตวิทยาให้การบำบัดด้านจิตใจและวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยทางใจ ความรู้สึก อารมณ์ และพฤติกรรมที่เป็นปัญหาเพื่อช่วยให้ผู้มารับบริการได้รับการแก้ไขและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขต่อไป
หัวใจของการเป็นนักจิตวิทยานั้นต้องผ่านการศึกษาและการฝึกฝนด้านทักษะในการแก้ปัญหาด้านสุขภาพจิตให้ผู้มารับบริการอย่างเชี่ยวชาญและมีมาตรฐานในวิชาอาชีพ การเรียนและการอบรมใช้เวลายาวนานเกินกว่า 12 ปีเป็นอย่างน้อยการเรียนรู้ในศาสตร์ทางจิตวิทยาอาจพูดได้ว่าเป็นการเรียนรู้แบบไม่วันสิ้นสุดและต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
งานวิจัยด้านจิตวิทยาใหม่ๆทำให้ได้ค้นพบความรู้อย่างต่อเนื่อง และการศึกษาด้านจิตวิทยามีบทพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยในการรักษาอาการทางจิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่สนใจงานด้านจิตวิทยาควรต้องศึกษาเรียนรู้พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องในศาสตร์การรักษาแนวทางเทคนิคด้านจิตวิทยาใหม่ๆและต้องมีความไฝ่รู้ที่จะพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา
การเรียนขั้นพื้นฐานเป็นเพียงแค่ทฤษฎีเบื้องต้น ระยะเวลาและขั้นตอนการผ่านวิชาชีพและใบประกาศนียบัตรหรือ ใบประกอบโรคศิลปะต่างๆนั้นมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและยุ่งยากทั้งนี้ก็เพราะการทำงานด้านจิตวิทยาเกี่ยวข้องกับชีวิตและจิตใจของคนโดยตรงดังนั้นจรรยาบรรณในวิชาชีพนี้จึงค่อนข้างเข้มงวดและมีรายละเอียดขั้นตอนค่อนข้างเยอะ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เป็นหัวใจของการเป็นนักจิตวิทยาคือต้องมีความตั้งใจอันดีงามที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่นให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดด้านจิตใจที่เขากำลังเผชิญอยู่ โดยไม่คิดฉวยโอกาสหาผลประโยชน์จากสภาวะทางจิตใจที่กำลังอ่อนแอของผู้มารับบริการ
การทำงานของนักจิตวิทยานั้นจะต้องอาศัยความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเป็นอย่างมากในการแก้ไขความเจ็บป่วยด้านจิตใจให้กับผู้อื่นเพื่อให้เขาได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและยังสร้างสังคมที่มีทัศนคติบวกเพิ่มขึ้นอีกด้วย หากความเจ็บป่วยด้านจิตใจอยู่ยาวนานเกิน 2 สัปดาห์ และส่งผลกระทบต่อตัวเอง และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างไม่ควรรอช้ารีบมาพบนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับการแก้ไขต่อไป ปัญหาด้านสุขภาพจิตมักส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเราดังนั้นอย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
อ้างอิง
https://www.verywellmind.com/what-is-a-psychologist-2794926
https://www.apa.org/topics/psychotherapy/about-psychologists
https://pacifichealthsystems.com/blog/should-you-see-a-psychiatrist-or-a-psychologist-first/