โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder - OCD)

216 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder - OCD)

โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder - OCD) มีวิธีแก้ไขอย่างไร?



 

ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner 


โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) เป็นภาวะความเครียด ความวิตกกังวลทางจิตใจที่ส่งผลให้บุคคลมีการคิดซ้ำ ๆ (Obsession) หรือทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ (Compulsion) ซึ่งการทำซ้ำมากๆ บ่อยๆ ส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ การจัดการและรักษา OCD มักประกอบด้วยวิธีการต่อไปนี้:

1. การบำบัดด้วยวิธีทางจิตวิทยา:

  • การบำบัดด้วยจิตบำบัดแบบ Eye movement desensitization and reprocessing (EMDR) therapy เป็นการจัดการกับการประมวลผลของสมองด้านความทรงจำที่มักนำสู่การกระตุ้นให้เกิดภาวะ OCD
  • EMDR therapy ช่วยในการจัดการกับประสบการณ์ด้านลบในความทรงจำเพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ และการปรับวิธีคิดและการรับรู้ที่ส่งผลกระทบต่อ OCD เมื่อถูกกระตุ้น
  • บำบัดด้วยพฤติกรรมบำบัด (Cognitive Behavioral Therapy - CBT) โดยเฉพาะการบำบัดแบบ Exposure and Response Prevention (ERP) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยเผชิญกับความกลัวหรือความคิดซ้ำ ๆ โดยไม่ต้องทำตามพฤติกรรมซ้ำ ๆ ที่เคยใช้เพื่อบรรเทาอาการ
  • การปรับพฤติกรรมเพื่อจัดการกับโรค OCD มักจะใช้เทคนิคการบำบัดพฤติกรรม เช่น การบำบัดแบบ Exposure and Response Prevention (ERP) ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังมีแนวทางอื่น ๆ ดังนี้:

       -ฝึกเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว (Exposure): ค่อย ๆ เผชิญกับสิ่งที่กระตุ้นความคิดหรือพฤติกรรมซ้ำ ๆ โดยไม่ทำพฤติกรรมนั้น เช่น ถ้าต้องล้างมือบ่อย ให้ค่อย ๆ ลดจำนวนครั้ง และเรียนรู้ให้รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อไม่ทำ

       -ฝึกหยุดและสังเกต (Mindfulness): ฝึกสติและสมาธิ เพื่อให้สามารถสังเกตความคิดและอารมณ์ของตนเองได้ โดยไม่ติดตามหรือคล้อยตามความคิดซ้ำซาก
      -การสร้างกิจวัตรประจำวันและเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม: จัดตารางกิจกรรมให้มีความสมดุล หลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นอาการ เช่น การเก็บของให้เป็นระเบียบ เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและลดความกดดัน

       -การติดตามและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง: ทำการบำบัดอย่างต่อเนื่องและปรับกลยุทธ์ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา รับคำแนะนำและวิธีการที่เหมาะสมกับสภาพของเราดีที่สุด

 

2. การสนับสนุนและการดูแลจากครอบครัว

  • ให้ความเข้าใจและช่วยเหลือในกระบวนการรักษา คนรอบข้างสามารถสนับสนุนผู้ที่มีโรค OCD ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้:
  • เข้าใจและให้การสนับสนุน: เรียนรู้เกี่ยวกับ OCD เพื่อเข้าใจอาการและ ความท้าทายที่ผู้ป่วยเผชิญ
  • แสดงความเข้าใจและให้อภัยต่อความผิดปกติหรือพฤติกรรมซ้ำซาก    ของเขา
  • สนับสนุนการเข้ารับการรักษา: ช่วยสนับสนุนให้ผู้ป่วยไปพบผู้             เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและทำตามแผนการรักษา
  • รับฟังและสนับสนุนความพยายามของเขาในการปรับพฤติกรรม
  • ไม่สนับสนุนหรือให้กำลังใจในพฤติกรรมซ้ำซาก:
  • อย่ากดดันหรือบังคับให้หยุดพฤติกรรมทันทีที่เกิดขึ้น แต่ให้แนะนำและสนับสนุนอย่างอ่อนโยน
  • พยายามหลีกเลี่ยงการทำพฤติกรรมแทนเขา เพราะอาจเป็นการสนับสนุนพฤติกรรมเดิม
  • สร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและปลอดภัย:
  • ให้ความรู้สึกว่าผู้ป่วยเป็นที่ยอมรับและเข้าใจ
  • สร้างสิ่งแวดล้อมที่ช่วยให้เขารู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลาย
  • ช่วยส่งเสริมกิจกรรมที่ผ่อนคลาย:
  • ชวนทำกิจกรรมสนุก ๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย ฟังเพลง หรือทำงานศิลปะ
  • อย่ากดดันให้เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป: ค่อย ๆ สนับสนุนให้เขาเผชิญกับความกลัวหรือความคิดซ้ำ ๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ร่วมมือกันในกระบวนการนี้
  • ร่วมแสดงความคิดเห็นและรับฟัง: สื่อสารกันอย่างเปิดใจและอ่อนโยน ให้โอกาสเขาแสดงความคิดเห็นและรู้สึกเข้าใจ
  • ควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนทางอารมณ์และความเข้าใจ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกมีความมั่นคงและมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน


3. การใช้ยา

ยาต้านเศร้า ในกลุ่ม Selective Serotonin Reuptake Inhibitors (SSRIs) เช่น fluoxetine, sertraline เป็นต้น ซึ่งอาจช่วยลดอาการ OCD ได้ ข้อพึงปฏิบัติในการใช้ยาคือต้องปรึกษา รับคำแนะนำ และการดูแลโดยจิตแพทย์

 



Exposure and Response prevention (ERP) techniques ช่วย OCD อย่างไร

การเผชิญหน้าและยับยั้งการตอบสนอง (Exposure and Response Prevention - ERP) เป็นเทคนิคหลักในการรักษา โรค OCD ที่ได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยว่าได้ผลดี โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับการบำบัดพฤติกรรมและความคิด (CBT)

ERP คืออะไร?

Exposure (การเผชิญหน้า): การค่อยๆ เผชิญกับสิ่งที่ทำให้วิตกกังวล เช่น สิ่งสกปรก ความไม่แน่นอน หรือความคิดที่ไม่พึงประสงค์

Response Prevention (การยับยั้งการตอบสนอง): การไม่ทำพฤติกรรมตอบสนองเพื่อคลายกังวล เช่น ไม่ล้างมือซ้ำ ไม่ตรวจประตูซ้ำ หรือไม่ขอความมั่นใจ

ERP ช่วยผู้มี OCD ได้อย่างไรบ้าง?

  • ลดความวิตกกังวลในระยะยาว เมื่อค่อยๆ เผชิญกับสิ่งกระตุ้นความกังวล และไม่ตอบสนองด้วยพฤติกรรมเดิมๆ สมองจะเรียนรู้ว่า “ความกลัวไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด” → วิตกกังวลจะลดลงเองตามธรรมชาติ
  • เปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ของสมอง
    OCD มักเกิดจากการเชื่อมโยงผิดๆ ว่า “ต้องทำอะไรบางอย่างถึงจะปลอดภัย”
  • ERP ช่วยสร้าง “การเรียนรู้ใหม่” ว่าความคิดหรือสถานการณ์เหล่านั้น “ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงหรือตอบสนองแบบเดิม”
  • เพิ่มความสามารถในการทนความไม่แน่นอน (Uncertainty)
  • ERP ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะอยู่กับความไม่แน่นอน โดยไม่ต้องหาคำตอบหรือทำพิธีกรรมเพื่อคลายกังวล
  • ช่วยลดพฤติกรรมซ้ำซาก
  • การหยุดพฤติกรรมตอบสนอง (เช่น ล้างมือ ตรวจซ้ำ หรือคิดวน) ช่วยตัดวงจรของ OCD
  • ตัวอย่างการทำ ERP เช่น

    o   รูปแบบ OCD:กลัวเชื้อโรค  ตัวอย่าง Exposure:แตะลูกบิดประตูสาธารณะ Response Prevention:ไม่ล้างมือทันที

    o   รูปแบบ OCD: เช็กประตู ตัวอย่าง Exposure:ปิดประตูเพียงครั้งเดียว Response Prevention:ไม่กลับไปตรวจอีก

    o   รูปแบบ OCD:ความคิดรุนแรง ตัวอย่าง Exposure:เขียนความคิดที่กลัวลงบนกระดาษ Response Prevention:ไม่พยายามลบล้างหรือหา “ความดี” มาหักล้าง

ข้อควรระวัง: ERP ควรทำร่วมกับนักบำบัดที่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น ต้องทำอย่างเป็นระบบและค่อยเป็นค่อยไป (Gradual exposure) การฝืนเร็วหรือรุนแรงเกินไปอาจทำให้วิตกกังวลเพิ่มขึ้น




EMDR psychotherapy ช่วย OCD ได้อย่างไร

เทคนิค EMDR เป็นวิธีการบำบัดที่พัฒนามาสำหรับ ผู้มีประสบการณ์ความทรงจำที่ยังส่งผลกระทบกระเทือนจิตใจ (Trauma) เช่น PTSD แต่ในช่วงหลัง มีการนำมาใช้กับ OCD ได้ผลดี โดยเฉพาะเมื่อภาวะ OCD เกี่ยวข้องกับประสบการณ์รุนแรงในอดีต

EMDR คืออะไร?

  • เทคนิคนี้ช่วยให้สมอง ประมวลผลความทรงจำที่ค้างคา/รบกวนได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • ใช้การ เคลื่อนไหวของดวงตา (เป็นวิธีหนึ่งในการกระตุ้นสมองส่วนซ้ายและขวา – bilateral stimulation) ระหว่างที่ผู้รับการบำบัด "ทบทวน" เหตุการณ์หรือประสบการณ์ความทรงจำที่รบกวนความคิดและจิตใจ
  • ช่วยให้ความรู้สึกเชิงลบลดลง และความเชื่อเกี่ยวกับตนเองเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
EMDR ช่วย OCD ได้อย่างไร?
  • จัดการกับต้นตอเชิงอารมณ์ของ OCD
  • คนไข้ OCD หลายรายมาจากประสบการณ์ในอดีตที่ฝังใจ เช่น การถูกตำหนิเมื่อทำผิด ความกลัวเรื่องศีลธรรม หรือการสูญเสีย
  • EMDR ช่วยให้ประสบการณ์เหล่านี้ “ไม่รุนแรงในใจ” อีกต่อไป ทำให้ความวิตกซึ่งขับเคลื่อน OCD ลดลง
  • ลดแรงกระตุ้น เมื่อความทรงจำหรือความคิดที่รบกวนได้รับการประมวลผลใหม่ อารมณ์เชิงลบที่มากับมัน (เช่น ความกลัว ความรู้สึกผิด) จะลดลง → ความรู้สึกว่าต้องทำพิธีกรรมเพื่อคลายอารมณ์นั้นก็น้อยลง
  • ช่วยเปลี่ยนความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับตนเอง เช่น ความเชื่อว่า “ถ้าไม่ตรวจซ้ำแปลว่าเราเป็นคนประมาท” หรือ “เราต้องควบคุมทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ” → EMDR ช่วยปรับเปลี่ยนวิธีความคิดมุมมองพวกนี้ไปในทิศทางที่ดีกว่าเดิมได้
  • EMDR ช่วยให้คนไข้ "พร้อม" สำหรับการเผชิญหน้าความกลัว โดยลดความเข้มข้นของอารมณ์เชิงลบที่เกี่ยวข้องกับสิ่งกระตุ้น
เมื่อไรที่คนไข้พร้อมทำจิตบำบัด EMDR สำหรับรักษาโรค OCD?

  • หาก OCD เชื่อมโยงกับประสบการณ์เจ็บปวดในอดีต เช่น เคยถูกลงโทษหนักในวัยเด็ก เคยพบเหตุการณ์รุนแรง เช่น การสูญเสีย การเจ็บป่วย
  • มีความคิดซ้ำๆ เกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีต
  • หากทำ ERP แล้วรู้สึก “ติดขัด” เพราะความกลัว/ความเชื่อรุนแรง อาจต้องกลับไปใช้การทำ EMDR ก่อนเพื่อให้สามารถช่วยในการรักษา OCD ด้วย ERP ให้มีประสิทธิภาพได้

สรุป
  • ERP จุดเน้น -ปัจจุบัน – การเปลี่ยนพฤติกรรมและลดการตอบสนอง
  • EMDR จุดเน้น -อดีต – การประมวลผลประสบการณ์/ความคิดรบกวน
  • EMDR เหมาะสำหรับ OCD ส่วนใหญ่ที่มีปมอดีตหรืออารมณ์ฝังลึก
  • วิธีใช้ร่วมกัน EMDR สามารถช่วย "ปลดล็อก" อารมณ์ก่อนทำ ERP

 

อ้างอิง
https://accesscbt.co.uk/6-ways-emdr-can-help-you-overcome-you-ocd/#:~:text=It'll%20help%20you%20process,them%20hold%20you%20back%20anymore.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้