7 จำนวนผู้เข้าชม |
EMDR Therapy: การบำบัดบาดแผลทางใจที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

โดย: ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D) ผู้เชี่ยวชาญ:
นักจิตวิทยาการปรึกษา,
นักจิตบำบัด EMDR/Brainspotting Psychotherapy
EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) เป็นการบำบัดด้านสุขภาพจิตที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้สมองประมวลผลความทรงจำที่กระทบกระเทือนจิตใจ (Trauma) ได้อย่างปลอดภัยและเป็นระบบ งานวิจัยจำนวนมากยืนยันว่า EMDR มีประสิทธิภาพสูงในการรักษา PTSD ความวิตกกังวล และผลกระทบทางอารมณ์จากประสบการณ์รุนแรงในอดีต
ความนิยมของ EMDR เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก รวมถึงในกลุ่มคนดัง เช่น Prince Harry และ Miley Cyrus ซึ่งช่วยลดอคติเรื่องการบำบัดทางจิตใจ และทำให้ผู้คนกล้าเข้าถึงการรักษามากขึ้น
หากคุณรู้สึกติดค้างทางอารมณ์ เครียดเรื้อรัง หรือเคยผ่านประสบการณ์ที่ยากจะลืม EMDR อาจเป็นอีกทางเลือกสำคัญของการเยียวยาอย่างลึกซึ้ง

EMDR Therapy: การบำบัดบาดแผลทางใจด้วยหลักการทำงานของสมอง
บาดแผลทางใจ (Psychological Trauma) ไม่ได้ส่งผลเพียงต่อความรู้สึก แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท หลายคนอาจพยายาม “ลืม” หรือ “ก้าวผ่าน” ประสบการณ์เหล่านั้น แต่กลับพบว่าความทรงจำ อารมณ์ หรือปฏิกิริยาทางร่างกายยังคงเกิดขึ้นซ้ำ ๆ โดยไม่รู้ตัว
EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) คือแนวทางการบำบัดที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้สมองสามารถประมวลผลความทรงจำที่กระทบกระเทือนจิตใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ
EMDR ทำงานอย่างไร?
ในภาวะปกติ สมองจะจัดเก็บความทรงจำและอารมณ์อย่างเป็นระบบ แต่เมื่อเกิด trauma ความทรงจำบางส่วนอาจถูก “ค้าง” อยู่ในระบบประสาท ทำให้เกิดอาการ เช่น ความกลัว ความวิตกกังวล หรืออารมณ์รุนแรงเมื่อถูกกระตุ้น
EMDR ใช้การกระตุ้นสมองสองข้าง (Bilateral Stimulation) เช่น การเคลื่อนไหวของดวงตา เพื่อช่วยให้สมองนำความทรงจำเหล่านั้นกลับมาประมวลผลใหม่ ลดความรุนแรงทางอารมณ์ และเปลี่ยนความเชื่อเชิงลบต่อตนเอง
EMDR เหมาะกับใคร?
EMDR เหมาะสำหรับผู้ที่เผชิญกับ:

ทำไม EMDR ถึงได้รับการยอมรับทั่วโลก?
EMDR เป็นการบำบัดที่ได้รับการรับรองจากองค์กรด้านสุขภาพจิตระดับนานาชาติ และมีงานวิจัยสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากสังคมและบุคคลสาธารณะยังช่วยสะท้อนว่า การดูแลสุขภาพจิตไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือการดูแลตนเองอย่างมีสติและกล้าหาญ
อ้างอิงสรุปจากข่าวต่างประเทศนักบำบัดจากรัฐโอคลาโฮมาเผยทางเลือกการรักษาบาดแผลทางใจที่ได้ผล แหล่งข่าว: News9.com
บทความนี้กล่าวถึง EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) ซึ่งเป็นการบำบัดที่มุ่งเน้นการรักษาบาดแผลทางใจ (Trauma-Focused Therapy) โดยดำเนินการภายใต้การดูแลของนักบำบัดผู้เชี่ยวชาญ นักบำบัดอธิบายว่า trauma ส่งผลต่อสมองและระบบประสาท ทำให้หลายคนติดอยู่กับความกลัว ความตื่นตัวสูง หรือความรู้สึกชาชินทางอารมณ์

EMDR ช่วยให้ผู้รับการบำบัดสามารถประมวลผลความทรงจำที่กระทบกระเทือนจิตใจได้อย่างปลอดภัย ผ่านการกระตุ้นสมองสองข้าง เช่น การเคลื่อนไหวของดวงตา เพื่อลดความรุนแรงของอารมณ์และเปลี่ยนมุมมองเชิงลบต่อตนเอง บทความยังเน้นย้ำว่า EMDR เป็นวิธีที่มีงานวิจัยรองรับ และเหมาะสำหรับ PTSD ความวิตกกังวล และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ trauma
บทความนี้รายงานว่า EMDR ได้รับความสนใจอย่างมาก หลังคนดังระดับโลก เช่น Miley Cyrus และ Prince Harry ออกมาเล่าประสบการณ์การบำบัด trauma ของตนเอง ทำให้ผู้คนจำนวนมากหันมาสนใจการรักษารูปแบบนี้ยอดจองการใช้บริการ EMDR พุ่งสูง หลังคนดังอย่าง Miley Cyrus และ Prince Harry เปิดใจ แหล่งข่าว: New York Post

EMDR ถูกอธิบายว่าเป็นการบำบัดที่ช่วยนำความทรงจำที่กระทบกระเทือนจิตใจขึ้นมาประมวลผลอย่างเป็นขั้นเป็นตอน (layer by layer) โดยไม่ทำให้ผู้รับการบำบัดรู้สึกถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงเกินไป ผู้รับการบำบัดรายหนึ่งระบุว่า EMDR มีประสิทธิภาพอย่างมาก โดยเฉพาะในกรณี trauma จากการล่วงละเมิดทางเพศ การเติบโตของความนิยมนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดรับเรื่องสุขภาพจิตและการลดอคติในสังคมมากขึ้น
EMDR Therapy: แนวทางการบำบัด Trauma เชิงวิชาชีพที่องค์กรทั่วโลกให้การยอมรับ
EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) เป็นการบำบัดที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการสุขภาพจิตระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในการดูแลผู้ที่มีภาวะบอบช้ำทางใจ (Trauma), PTSD และความวิตกกังวลเรื้อรัง
ในบริบทของ Corporate Wellness EMDR มีบทบาทสำคัญในการช่วยฟื้นฟูสมดุลทางอารมณ์ ลดผลกระทบจากความเครียดสะสม และสนับสนุนประสิทธิภาพในการทำงานอย่างยั่งยืน การดูแลสุขภาพจิตเชิงรุกจึงไม่ใช่เพียงสวัสดิการ แต่เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ขององค์กร
EMDR Therapy: การบำบัดบาดแผลทางใจด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ในบริบทองค์กร
ในสภาพแวดล้อมการทำงานยุคปัจจุบัน พนักงานจำนวนมากเผชิญกับความเครียดเรื้อรัง ภาวะหมดไฟ (Burnout) และผลกระทบจากประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ ทั้งจากชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาวะทางจิตใจ ประสิทธิภาพในการทำงาน และความยั่งยืนขององค์กร
EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) เป็นแนวทางการบำบัดที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของการทำงานของสมองและระบบประสาท โดยมีงานวิจัยรองรับอย่างต่อเนื่องว่า มีประสิทธิภาพสูงในการรักษา trauma และความผิดปกติที่เกี่ยวข้อง
หลักการทำงานของ EMDR
เมื่อบุคคลเผชิญเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ สมองอาจไม่สามารถประมวลผลข้อมูลได้ตามปกติ ส่งผลให้ความทรงจำและอารมณ์บางส่วนถูกจัดเก็บอย่างไม่สมบูรณ์ และแสดงออกในรูปแบบของความวิตกกังวล ความกลัว หรือปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
EMDR ใช้การกระตุ้นสมองสองข้าง (Bilateral Stimulation) เช่น การเคลื่อนไหวของดวงตา เพื่อสนับสนุนให้สมองนำความทรงจำเหล่านั้นกลับมาประมวลผลใหม่ ลดความรุนแรงทางอารมณ์ และส่งเสริมการปรับตัวเชิงบวก
EMDR กับการดูแลสุขภาพจิตในองค์กร
ในบริบทของ Corporate Wellness และ Employee Assistance Programs (EAP) EMDR มีบทบาทสำคัญในการ:
การนำแนวคิด Trauma-Informed Care เข้ามาใช้ในองค์กรช่วยสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ปลอดภัย เอื้อต่อการเติบโต และการรักษาบุคลากรในระยะยาว
EMDR เหมาะกับใครในบริบทองค์กร
สรุปเชิงวิชาชีพ
EMDR ไม่ใช่เพียงการบำบัดระดับบุคคล แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนสุขภาพจิตเชิงระบบ องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ จะสามารถสร้างความยั่งยืนทั้งในระดับบุคคลและองค์กรได้อย่างแท้จริง

FAQ – คำถามที่พบบ่อย
Q1: EMDR Therapy คืออะไร?
A:EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) เป็นการบำบัดด้านสุขภาพจิตที่ช่วยให้สมองประมวลผลความทรงจำที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างปลอดภัย โดยใช้การกระตุ้นสมองสองข้าง เช่น การเคลื่อนไหวของดวงตา
Q2: EMDR ช่วยรักษาอะไรได้บ้าง?
A:EMDR มีประสิทธิภาพในการรักษา PTSD, trauma, ความวิตกกังวล, ภาวะซึมเศร้า, ความเครียดเรื้อรัง และผลกระทบทางอารมณ์จากเหตุการณ์รุนแรงในอดีต
Q3: EMDR แตกต่างจากการบำบัดแบบพูดคุยทั่วไปอย่างไร?
A:EMDR ทำงานโดยตรงกับกระบวนการของสมอง ไม่จำเป็นต้องเล่ารายละเอียดซ้ำ ๆ จึงช่วยลดการกระตุ้นอารมณ์ที่รุนแรงเกินไป
Q4: EMDR ปลอดภัยหรือไม่?
A:EMDR ปลอดภัยเมื่อดำเนินการโดยนักบำบัดที่ผ่านการฝึกอบรม ผู้รับการบำบัดสามารถควบคุมจังหวะการบำบัดได้ตลอดเวลา
Q5: EMDR เหมาะกับใครบ้าง?
A:เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ วัยทำงาน ผู้บริหาร หรือผู้ที่มีประสบการณ์ trauma ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและการทำงานในปัจจุบัน
Q6: ต้องใช้กี่ครั้งจึงจะเห็นผล?
A:จำนวนครั้งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางรายเห็นการเปลี่ยนแปลงเร็ว ขณะที่บางรายต้องใช้เวลาเพื่อการเยียวยาอย่างยั่งยืน