Mind Traps หรือ กับดักทางความคิด คืออะไร? และ EMDR ช่วยแก้ได้อย่างไร

92 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Mind Traps หรือ กับดักทางความคิด คืออะไร? และ EMDR ช่วยแก้ได้อย่างไร

Mind Traps หรือ “กับดักทางความคิด” คืออะไร? และ EMDR ช่วยแก้ได้อย่างไร

โดย: ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D) ผู้เชี่ยวชาญ:
นักจิตวิทยาการปรึกษา,
นักจิตบำบัด EMDR/Brainspotting Psychotherapy


Mind Traps หรือ กับดักทางความคิด เป็นรูปแบบการคิดแบบอัตโนมัติที่มักโน้มเอียงไปทางลบ และส่งผลให้เราตีความเรื่องต่าง ๆ ผิดเพี้ยนจากความจริง โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่เราไม่รู้ตัว และเมื่อเกิดซ้ำบ่อย ๆ ก็จะกลายเป็นนิสัย ความเชื่อ และบุคลิกภาพทางความคิดของเราไปในที่สุด

หลายคนตกอยู่ในกับดักความคิดเหล่านี้เป็นประจำ เช่น

  • คิดแบบขาว-ดำ
  • ตีความเกินจริง
  • ด่วนสรุป
  • โทษตัวเอง
  • คาดการณ์หายนะ
  • อ่านใจคนอื่นผิด
  • ผูกความล้มเหลวเข้ากับคุณค่าของตัวเอง

และเมื่อปล่อยไว้นาน ความคิดลบเหล่านี้มักนำไปสู่
ความวิตกกังวล, ภาวะเครียด, ซึมเศร้า และการขาดความมั่นใจในชีวิต





ปัจจัยด้านความคิดที่บิดเบือนความจริง (Thinking Distortions)
ต่อไปนี้คือกับดักความคิดที่พบได้บ่อย พร้อมคำแนะนำในการเปลี่ยนมุมมองใหม่อย่างสร้างสรรค์

1. คิดแบบขาว-ดำ (All-or-Nothing Thinking)
เช่น “ถ้าไม่ได้งานนี้ ฉันก็ล้มเหลวทุกอย่าง”
→ เปลี่ยนเป็น: ชีวิตมีหลายโทนสี การเปลี่ยนแปลงอาจเป็นโอกาสใหม่

2. ใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสิน (Emotional Reasoning)
“ฉันรู้สึกแย่ = ฉันไม่มีค่า”
→ ใช้เหตุผลตรวจสอบอารมณ์แทนการเชื่อความรู้สึกทันที

3. อ่านใจคนอื่น (Mind Reading)
คิดไปเองว่าคนอื่นมองเราแย่ ทั้งที่ไม่มีหลักฐาน
→ หยุดตั้งคำถามและกลับมารับรู้ความจริง

4. คาดการณ์อนาคตในแง่ร้าย (Fortune Telling)
เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์แย่ ๆ แม้ยังไม่เกิด
→ เตือนตัวเองว่า “ไม่มีใครรู้อนาคตได้”

5. ตราหน้าตัวเอง (Labeling)
“ฉันมันไม่เอาไหน เพราะสอบตกครั้งเดียว”
→ แยกเหตุการณ์ออกจากคุณค่าของตัวเอง

6. คิดว่าเรื่องร้ายจะเกิดซ้ำเสมอ (Overgeneralization)
→ เตือนตัวเองว่าผลลัพธ์ครั้งต่อไปอาจไม่เหมือนเดิม

7. โทษตัวเองทุกสถานการณ์ (Self-Blaming)
→ เตือนตัวเองว่าไม่ใช่ทุกอย่างเป็นความผิดของเรา


ความคิดลบ และ Mind Traps เชื่อมโยงกับสุขภาพจิตอย่างไร?
เมื่อความคิดทำงานแบบอัตโนมัติและขาดการตรวจสอบ
มันอาจพัฒนาเป็น ความวิตกกังวลเรื้อรัง (Anxiety Disorder)
รวมถึงปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความสุขและความมั่นใจในชีวิต


เทคนิคทางจิตวิทยาเพื่อป้องกันตนเองจากกับดักทางความคิด
มีความรู้เท่าทันความคิด รู้ว่าอะไรอยู่ในความควบคุม อะไรไม่อยู่ในความควบคุม

  • ตั้งคำถามกับตัวเองเสมอ ก่อนด่วนสรุป
  • ตรวจสอบความคิดซ้ำๆ เมื่อพบว่าตัวเองกำลังวนเวียน
  • พูดกับตัวเองอย่างอ่อนโยน
  • จัดการความฟุ้งซ่าน โดยสั่งให้ตัวเองหยุดเมื่อเริ่มคิดมาก
  • ดูแลสุขภาพกาย-ใจ อย่างสมดุล

อย่างไรก็ตาม สำหรับหลายคน ความคิดลบเหล่านี้เกิดจาก “ประสบการณ์อดีต” ที่ฝังลึก
ทำให้แก้ไขด้วยตัวเองได้ยาก และนี่คือบทบาทสำคัญของ EMDR Therapy



EMDR Therapy ช่วยแก้ Mind Traps ได้อย่างไร?
หลายกับดักทางความคิดไม่ได้เกิดจากตรรกะ
แต่เกิดจาก “ความเจ็บปวดเดิมที่ยังไม่ถูกประมวลผล”
เช่น การถูกปฏิเสธ, การล้มเหลว, การถูกตำหนิ หรือประสบการณ์ทำให้รู้สึกด้อยค่า

EMDR Therapy ทำงานโดยช่วยให้สมอง
“ประมวลผลและปล่อยความเชื่อด้านลบที่ติดอยู่ในอดีต”
ทำให้ความคิดลบค่อย ๆ หายไปเองอย่างเป็นธรรมชาติ

✔ 1) เปลี่ยนความเชื่อหลักที่ติดอยู่ในใจ
จาก “ฉันไม่ดีพอ”
→ “ฉันมีคุณค่าและเรียนรู้ได้”

✔ 2) แยกอดีตออกจากปัจจุบัน
ลดความไวต่อเหตุการณ์กระตุ้น ลดการด่วนสรุป

✔ 3) ลดอารมณ์ลบที่ทำให้คิดวน
เมื่อ “ความเจ็บปวดเก่า” ลดลง ความคิดลบก็ลดลงด้วย

✔ 4) ทำให้ระบบความคิดกลับสู่โหมดสมเหตุสมผล
ลดการตีความผิด ลดการคิดไปเอง

✔ 5) เสริมความคิดใหม่ที่สร้างพลัง
เช่น

“ฉันรับมือได้”
“ฉันปลอดภัย”
“ฉันมีคุณค่า”
หลัง EMDR หลายคนพบว่า

  • คิดน้อยลง
  • มองโลกชัดขึ้น
  • ไม่หลงกลกับดักความคิดง่ายเหมือนเดิม


Better Mind Thailand พร้อมช่วยคุณเปลี่ยนรูปแบบความคิดอย่างลึกซึ้ง
นักจิตวิทยาของเราเชี่ยวชาญด้าน EMDR Therapy และ Trauma-Focused Therapy
เหมาะสำหรับผู้ที่มี

  • ความคิดลบซ้ำ ๆ
  • วิตกกังวล
  • ความรู้สึกด้อยค่า
  • บาดแผลทางใจ
  • ความคิดวนแบบที่หยุดไม่ได้

การเปลี่ยนความคิด เริ่มได้ที่ “การรักษารากของความเจ็บปวดเดิม”





FAQ 
1) Mind Traps คืออะไร?
คือรูปแบบความคิดเชิงลบอัตโนมัติที่บิดเบือนความจริง

2) EMDR ช่วยเรื่องความคิดลบได้จริงไหม?
ได้ เพราะ EMDR ช่วยประมวลผลประสบการณ์ที่เป็นต้นตอของความคิดลบ

3) ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผล?
บางคนดีขึ้นใน 3–6 ครั้ง แต่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์แต่ละคน

4) EMDR เหมาะกับใคร?
ผู้ที่มีความคิดลบซ้ำ ๆ, วิตกกังวล, ความเครียด, หรือมีประสบการณ์บอบช้ำทางใจ

5) ต้องใช้ยาไหม?
ไม่จำเป็น การบำบัดเป็นรูปแบบไม่ใช้ยา






Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้