EMDR vs. Traditional Talk Therapy แบบไหนเหมาะกับคุณ?

67 จำนวนผู้เข้าชม  | 

EMDR vs. Traditional Talk Therapy แบบไหนเหมาะกับคุณ?

EMDR vs. Traditional Talk Therapy แบบไหนเหมาะกับคุณ?



 
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner

เมื่อพูดถึงการบำบัดทางจิตใจ หลายคนอาจคุ้นเคยกับ การบำบัดแบบพูดคุย (Traditional Talk Therapy) เช่น การบำบัดเชิงจิตวิเคราะห์  CBT  หรือการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา

 

แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา EMDR Therapy (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) ได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในการรักษา PTSD  Anxiety  และ Trauma

 “ระหว่าง EMDR และ Talk Therapy แบบดั้งเดิม อะไรที่เหมาะกับคุณมากที่สุด?”

 

EMDR Therapy คืออะไร?

EMDR เป็นการบำบัดที่ช่วยให้สมอง ประมวลผลความทรงจำที่เจ็บปวด โดยใช้การกระตุ้นสมองสองด้าน (Bilateral stimulation) รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

 

  • ได้รับการรับรองจาก World Health Organization (WHO)  และ American Psychological Association (APA)
  • เหมาะกับ ผู้ที่มีภาวะ PTSD  Trauma หรือ Anxiety
  • จุดเด่นคือ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องราวเลวร้ายซ้ำ ๆ แบบละเอียดทุกครั้ง

Traditional Talk Therapy คืออะไร?


Talk Therapy เป็นการบำบัดที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย เช่น:

  • Counseling - การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางออก
  • CBT (Cognitive Behavioral Therapy)-  เปลี่ยนความคิดเชิงลบ
  • Psychodynamic Therapy-  ทำความเข้าใจรากเหง้าของปัญหา

ข้อดีคือช่วยให้ผู้เข้ารับการบำบัด ตระหนักรู้ เข้าใจตนเอง และค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ผ่านการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง


 

EMDR vs. Talk Therapy – ความแตกต่างที่ชัดเจน

 วิธีการบำบัด

  • EMDR: เน้นประสบการณ์ภายในจิตใจ ผ่านการกระตุ้นสมองเพื่อให้ประมวลผล Trauma ได้เร็วขึ้น
  • Talk Therapy: เน้นการพูดคุย วิเคราะห์ และเปลี่ยนแปลงความคิด

     
ระยะเวลาในการเห็นผล

  • EMDR: อาจเห็นผลภายใน 6–12 ครั้ง โดยเฉพาะ PTSD ที่มาจาก Trauma เดี่ยว
  • Talk Therapy: มักใช้เวลายาวนานหลายเดือนหรือเป็นปี เหมาะกับการทำความเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้ง

ประสบการณ์ของผู้เข้ารับการบำบัด

  • EMDR: ไม่จำเป็นต้องพูดเล่ารายละเอียด Trauma ซ้ำอีกและลดความเจ็บปวดจากการเล่าเรื่อง
  • Talk Therapy: ต้องพูดเล่าและทบทวนประสบการณ์ เพื่อทำความเข้าใจเชิงลึก

 

 


 

ข้อดี–ข้อจำกัดของ EMDR

ข้อดี:

 

  • ได้ผลเร็วโดยเฉพาะภาวะ PTSD
  • มีงานวิจัยรองรับระดับสากล
  • ลดอาการ Flashback  ฝันร้าย และ Anxiety



ข้อจำกัด:

  • เหมาะเฉพาะบางกลุ่ม (เช่น ผู้มี Trauma-related disorders)
  • จำเป็นต้องเข้ารับการบำบัดกับนักบำบัดที่ผ่านการอบรม EMDR โดยเฉพาะ


ข้อดี–ข้อจำกัดของ Talk Therapy

ข้อดี:

  • ใช้ได้กับหลากหลายปัญหาทางอารมณ์และความสัมพันธ์
  • ช่วยสร้าง Self-awareness และการเปลี่ยนแปลงเชิงลึก
  • มีหลายแนวทางที่ปรับตามบุคคล

ข้อจำกัด:
  • ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล
  • บางคนรู้สึกแย่ที่จะพูดเล่าเหตุการณ์ Trauma ซ้ำอีก

 


แล้วควรเลือกวิธีไหนดี?

·

  • ถ้าคุณมีภาวะ PTSD  Flashback หรือ Trauma ที่ยังคงรบกวนชีวิต EMDR อาจเป็นตัวเลือกที่ได้ผลเร็วกว่า
  • ถ้าคุณต้องการ สำรวจตนเอง ปรับความคิด หรือแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์  Talk Therapy อาจเหมาะสมกว่า
  • ในบางกรณี การผสมผสาน EMDR กับ CBT ก็เป็นแนวทางที่ได้ผลดี

สรุป

ทั้ง EMDR และ Traditional Talk Therapy มีจุดแข็งของตัวเอง การเลือกขึ้นอยู่กับ:

  • ประเภทของปัญหา
  • ความพร้อมของคุณ
  • คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
 
EMDR อาจให้ผลเร็วกับ Trauma ขณะที่ Talk Therapy ช่วยพัฒนาตัวตนและความเข้าใจเชิงลึก ทางที่ดีที่สุดคือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ


*บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม*
EMDR คืออะไร
EMDR ใช้เวลากี่ครั้งถึงจะเห็นผล
การบำบัดสำหรับ PTSD
การบำบัดสำหรับ Anxiety

 

 








Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้