สัญญาณของความสัมพันธ์ที่ดี
กับ
ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ
(Healthy vs. Toxic Relationship Signs)

ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner
ความสัมพันธ์ที่ดีสามารถเสริมสร้างความรัก ความเข้าใจ การเชื่อมโยงกัน การสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในทางกลับกันความสัมพันธ์ที่เป็นพิษนั้นมักบ่อนทำลายความสัมพันธ์ ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่น ความไว้ใจ อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อการสื่อสารการให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน
สัมพันธภาพในชีวิตที่มีความสุขควรต้องคำนึงถึงสัมพันธภาพที่ดีเป็นหลัก สัมพันธภาพในชีวิตคู่หากเราไม่ตระหนักรู้ในการเลือกที่จะอยู่กับสัมพันธภาพที่ดีมักส่งผลต่อสุขภาวะด้านอารมณ์ที่สดชื่นแจ่มใสและมีความสุขของเราได้

สัญญาณของความสัมพันธ์ที่ดี (Healthy Relationship Signs) เป็นอย่างไร?
สัมพันธภาพที่ดีมักเกิดจากพฤติกรรมดังนี้
- การสื่อสารที่เปิดเผยและจริงใจ
- พูดคุยกันได้อย่างตรงไปตรงมา แม้ในเรื่องยาก
- เคารพซึ่งกันและกัน
- รับฟังกัน เข้าใจมุมมองของกันและกันโดยไม่ตัดสิน
- มีขอบเขตที่ชัดเจน (Boundaries) ต่างคนต่างมีพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ละเลยกัน
- ให้การสนับสนุนทางอารมณ์ อยู่เคียงข้างกันเวลายากลำบาก แสดงความห่วงใยอย่างต่อเนื่อง
- มีความไว้วางใจ (Trust) ไม่ต้องคอยตรวจสอบ ไม่ต้องระแวง เชื่อใจในความซื่อสัตย์
- มีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ มีความสามารถในการพูดคุย ปรับตัว และหาทางออกเมื่อมีความขัดแย้ง
- สร้างการเติบโตร่วมกัน ส่งเสริมกันและกันให้พัฒนา ทั้งในด้านอาชีพ ความคิด หรือชีวิตส่วนตัว
- มีความเท่าเทียม ไม่มีใครควบคุมอีกฝ่าย หรือเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่เสมอ

สัญญาณของความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationship Signs) เป็นอย่างไร?
สัมพันธภาพที่เป็นพิษมักมีพฤติกรรมดังนี้
- มีการควบคุมและบงการอีกฝ่ายพยายามควบคุมพฤติกรรม ความคิด หรือการตัดสินใจ
- ความรุนแรงทางวาจา / อารมณ์ / ร่างกาย ตะโกน ดูถูก ทำให้รู้สึกด้อยค่า หรือใช้กำลัง
- ขาดการสื่อสาร / พูดด้วยความโกรธ เงียบใส่ หรือทะเลาะโดยไม่มีข้อยุติ
- การกล่าวโทษตลอดเวลา ไม่เคยยอมรับผิด มักโทษอีกฝ่ายเสมอ
- แสดงความไม่ซื่อสัตย์ / หลอกลวง ปกปิดเรื่องสำคัญ คบซ้อน โกหกซ้ำๆ
- ความไม่เท่าเทียมในความสัมพันธ์ คนหนึ่งมีอำนาจมากกว่า อีกฝ่ายต้องตามตลอด
- ทำให้รู้สึกผิดเพื่อควบคุม ใช้อารมณ์ ความรู้สึกผิด หรือคำพูดเชิงบงการเพื่อควบคุมพฤติกรรม
- ขาดการสนับสนุนอีกฝ่าย ไม่สนใจ ไม่รับฟัง ไม่อยู่เคียงข้างในเวลายากลำบาก

ในการทำบำบัดคู่ชีวิต (Couples Therapy) สามารถช่วยปรับรูปแบบการใช้ชีวิตคู่ให้มีสุขภาวะที่ดี มีสัมพันธภาพที่แข็งแรง ช่วยเรื่องการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเชื่อใจให้กลับมาอีกครั้งในการใช้ชีวิตคู่ด้วยความเข้าใจและมีความสุข แต่อย่างไรก็ตามทั้งนี้ทั้งนั้น การบำบัดชีวิตคู่จะมีประสิทธิภาพและเห็นผลไวแค่ไหนขึ้นอยู่กับการได้รับความร่วมมือจากคู่รักทั้งสองในการทำงานร่วมมือกันกับนักบำบัดชีวิตคู่ หรือนักจิตวิทยาด้านความสัมพันธ์
นักจิตวิทยาอาจใช้เทคนิค เช่น:
- Gottman Method: เทคนิควิธีการในการปรับปรุงสัมพันธภาพชีวิตคู่
ที่ได้จากการสังเกตสัญญาณจากทฤษฎี “Four Horsemen” ในเรื่องการตระหนักถึงเรื่องการสื่อสาร เช่น คำวิจารณ์ การดูถูก การตั้งรับ และ การเงียบใส่ นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญใช้เทคนิควิธีต่างๆ เหล่านี้ในการช่วยปรับปรุงการสื่อสารในชีวิตคู่ให้ดีมีความเข้าใจตรงกันมากขึ้นและแทนที่การสื่อสารที่ส่งผลลบต่อสัมพันธภาพชีวิตคู่ด้วยการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมีการเชื่อมโยงด้านความสัมพันธ์ส่วนตัวแบบลึ้งซึ้งใกล้ชิดและลดความขัดแย้ง - Emotionally Focused Therapy (EFT): เข้าใจรูปแบบการตอบสนองทางอารมณ์ของทั้งสองฝ่าย โดยหลักการ Humanistic approach ที่มุ่งเน้นไปที่เรื่องของประสบการณ์ด้านอารมณ์ และทฤษฎีความผูกพัน เพื่อให้เข้าใจลักษณะความสัมพันธ์ในครอบครัวของแต่ละคน ความรักความผูกพัน การอบรมเลี้ยงดู ความมั่นคงทางใจ เพื่อปรับปรุง การเชื่อมโยงทางสัมพันธภาพ การจัดการกับบาดแผลทางใจ และมีวิธีรับมือกับความเครียด วิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
- Psychoeducation: ให้ความรู้เรื่องพฤติกรรมที่ดีและไม่ดีในความสัมพันธ์ เพื่อช่วยในการจัดการด้านความขัดแย้งที่มักเกิดเป็นวงโคจร เพิ่มประสิทธิภาพด้านการสื่อสารให้ดีขึ้นและส่งเสริมด้านความสัมพันธ์ที่ดีมีความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจถึงความต้องการของอีกฝ่ายและมีการตอบสนองในทางที่ดี แข็งแรงและปลอดภัย
- Behavioral Interventions: ฝึกการฟังอย่างตั้งใจและให้การตอบสนองเชิงบวก เป็นการปรับปรุงพฤติกรรมด้านลบเพื่อส่งเสริมการตอบสนองด้านบวก เทคนิคนี้เป็นการจัดการด้านทักษะการสื่อสาร ทักษะการแก้ปัญหาความขัดแย้งและรวบรวมทฤษฎีและเทคนิคต่างๆด้านความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางกาย จิตใจและ อารมณ์ที่ลึกซึ้ง

อย่างไรก็ตามหากค้นพบว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่นั้นสร้างความยากลำบากให้กับชีวืตและอยากจะออกจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษอาจนำวิธีการเบื้องต้นนี้ไปใช้ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ของแต่ละคน
ออกจากความสัมพันธ์ Toxic อย่างไรให้ปลอดภัย
การออกจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic relationship) ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบทั้งด้าน ความปลอดภัยทางร่างกาย จิตใจ และการเงิน โดยเฉพาะหากคู่ของคุณมีลักษณะควบคุม ก้าวร้าว หรือ ใช้ความรุนแรง นี่คือแนวทางที่ปลอดภัยและได้ผล
1. ประเมินระดับความเป็นพิษ
สังเกตว่าเขา/เธอมีพฤติกรรมต่อไปนี้หรือไม่:
- ดูถูก ลดคุณค่า หรือทำให้คุณรู้สึกผิดตลอดเวลา
- ควบคุมการใช้ชีวิต เช่น เงิน การแต่งตัว การพบเพื่อน
- ใช้อารมณ์รุนแรง ข่มขู่ หรือใช้ความรุนแรงทางร่างกาย/จิตใจ/ทางเพศ
- ทำให้คุณรู้สึก “ติดกับ” หรือ “ไม่มีทางออก”
2. วางแผนเงียบๆ - ไม่ควรบอกล่วงหน้า (หากเขามีพฤติกรรมรุนแรงหรือควบคุม)
- เตรียม: เงินสำรอง และเอกสารสำคัญ (บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ATM ฯลฯ)
- อยู่ปลอดภัยชั่วคราว เช่น บ้านเพื่อน ครอบครัว หรือศูนย์พักพิง
- เบอร์โทรฉุกเฉิน เช่น มูลนิธิส่งเสริมความปลอดภัยในครอบครัว หรือ 1300 (สายด่วน พม.)
3. บอกลาครั้งสุดท้าย (ถ้าปลอดภัย) - ถ้ารู้สึก ปลอดภัยพอ และเขาไม่ก้าวร้าว อาจบอกอย่างใจเย็น ใช้คำพูด เช่น “เราคิดมานานแล้ว และขอเลือกสิ่งที่ดีต่อใจเรา ขอจบความสัมพันธ์ตรงนี้”
- ถ้าไม่ปลอดภัย ควรออกจากความสัมพันธ์ โดยไม่บอกล่วงหน้า
4. ตัดช่องทางการติดต่อ - บล็อกเบอร์ โทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย ฯลฯ
- เปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีสำคัญ (ถ้าอีกฝ่ายเคยรู้)
5. ขอความช่วยเหลือ - คุยกับนักจิตวิทยาหรือนักบำบัด
- เพื่อนหรือคนในครอบครัวที่ไว้ใจได้
- สายด่วนช่วยเหลือ: 1300 (สายด่วน พม.) 1669 (ฉุกเฉินกรณีมีภัย)
- มูลนิธิส่งเสริมความปลอดภัยในครอบครัว
6. เยียวยาจิตใจหลังจากออกมา
- คุณอาจรู้สึกเสียใจ ว่างเปล่า หรือกลัวให้เวลาเยียวยาใจตัวเอง
- ฝึกกิจกรรมที่เพิ่มคุณค่าในตัวเอง เช่น การออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ หรือเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ๆ
- สิ่งสำคัญที่ควรจำ คุณมีคุณค่า และสมควรได้รับความรักที่ไม่ทำร้าย
นักจิตวิทยาสามารถช่วยเราให้ออกจากความสัมพันธ์ที่ Toxic ได้อย่างไรนักจิตวิทยาสามารถช่วยคุณ “ออกจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationship)” ได้อย่างลึกซึ้งและปลอดภัยในหลายมิติ ทั้งด้านอารมณ์ จิตใจ และการวางแผนชีวิต โดยมีบทบาทสำคัญดังนี้:
1. ช่วยให้คุณมองเห็นว่า “ความสัมพันธ์นี้เป็นพิษจริงหรือไม่”- นักจิตวิทยาจะช่วยสะท้อนพฤติกรรมของคู่รักคุณอย่างเป็นกลาง เช่น คุณกำลังถูกควบคุม ถูกกดดัน หรือถูกใช้ความรุนแรงหรือไม่
- ความสัมพันธ์ทำให้คุณรู้สึกหมดคุณค่า กลัว หรือไม่เป็นตัวเองหรือเปล่า
- ใช้แบบประเมินความสัมพันธ์ เพื่อชี้ชัดว่าคุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ดีหรือเป็นอันตราย
2. ฟื้นความมั่นใจและคุณค่าในตัวเอง
- คนที่อยู่ในความสัมพันธ์ Toxic มักถูกทำให้รู้สึกว่า "ไม่มีใครเอา" "ไม่มีค่าพอจะมีชีวิตที่ดี" หรือ "ต้องทนเพราะไม่มีทางเลือก"
- นักจิตวิทยาจะช่วยสร้างความเชื่อใหม่ที่ดีต่อใจ
- ฟื้นตัวตนและความมั่นใจที่เคยถูกทำลาย
3. วางแผนออกจากความสัมพันธ์อย่างปลอดภัย- โดยเฉพาะถ้าอีกฝ่ายควบคุม ใช้ความรุนแรง หรือขู่ทำร้าย
- นักจิตวิทยาจะช่วย:วางแผนการเงิน เอกสาร ที่พัก การติดต่อคนช่วย วางแผนการบอกลา
- หรือการตัดขาดที่ปลอดภัย (Safety Plan)
- เตรียมใจรับมือกับการโต้ตอบ เช่น การข่มขู่ การอ้อนวอน การตามรังควาน
4. เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่คุณสามารถ “พูดทุกอย่างได้”- คุณอาจไม่กล้าบอกใครว่าคุณรู้สึกเจ็บ ช้ำ โกรธ หรือกลัวแค่ไหน
- นักจิตวิทยาคือคนที่ไม่ตัดสิน รับฟังอย่างลึกซึ้ง ช่วยจัดการอารมณ์ที่สับสน หรือความรู้สึกผิดที่คุณอาจมี
5. ฟื้นฟูจิตใจหลังจากหลุดพ้น- แม้จะออกมาแล้ว ความเจ็บหรือ “บาดแผลในใจ” อาจยังอยู่ เช่น รู้สึกเหงา กลัวความรักครั้งใหม่ มีภาพจำจากความรุนแรง หรือคำพูดที่ฝังใจ
- นักจิตวิทยาจะช่วย: เยียวยาแผลในใจ (trauma healing)
- ช่วยคุณสร้างกรอบความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคต
- เสริมทักษะการสื่อสาร การตั้งขอบเขต (boundary) กับคนอื่น
- ถ้าคุณลังเลอยู่ นักจิตวิทยาจะไม่บังคับให้คุณตัดสินใจ แต่จะ “เดินไปพร้อมคุณ” ให้คุณเลือกในจังหวะที่คุณรู้สึกพร้อมและปลอดภัยที่สุด
การก้าวออกมาจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ การดูแลสุขภาวทางใจของตนเองให้ดีให้ข้มแข็งจะช่วยให้เราสามารถผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างไรก็ตามควรมองหาความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากคนที่ไว้ใจได้รอบข้าง และควรวางแผนดำเนินไว้ล่วงหน้า ควรจำไว้เสมอว่าเรามีคุณค่าและเราคู่ควรกับคนที่เห็นคุณค่าในตัวเรา
อ้างอิงhttps://www.webmd.com/sex-relationships/healthy-vs-unhealthy-relationships
https://www.calm.com/blog/toxic-relationships#:~:text=Staying%20in%20a%20toxic%20relationship%20can%20have%20profound%20effects%20on,appetite%2C%20or%20chronic%20health%20issues
https://www.icope.nhs.uk/camden-islington/what-we-offer/behavioural-couples-therapy-bct/#:~:text=Behavioural%20Couples%20Therapy%20(BCT)%20is,to%20distress%20within%20the%20relationship.