สัญญาณของความสัมพันธ์ที่ดี กับ ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ(Healthy vs. Toxic Relationship Signs)

15 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สัญญาณของความสัมพันธ์ที่ดี  กับ ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ(Healthy vs. Toxic Relationship Signs)

สัญญาณของความสัมพันธ์ที่ดี  
กับ
ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ
(Healthy vs. Toxic Relationship Signs)

 

ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner


ความสัมพันธ์ที่ดีสามารถเสริมสร้างความรัก ความเข้าใจ การเชื่อมโยงกัน การสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในทางกลับกันความสัมพันธ์ที่เป็นพิษนั้นมักบ่อนทำลายความสัมพันธ์ ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่น ความไว้ใจ อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อการสื่อสารการให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน

สัมพันธภาพในชีวิตที่มีความสุขควรต้องคำนึงถึงสัมพันธภาพที่ดีเป็นหลัก สัมพันธภาพในชีวิตคู่หากเราไม่ตระหนักรู้ในการเลือกที่จะอยู่กับสัมพันธภาพที่ดีมักส่งผลต่อสุขภาวะด้านอารมณ์ที่สดชื่นแจ่มใสและมีความสุขของเราได้

 



สัญญาณของความสัมพันธ์ที่ดี (Healthy Relationship Signs) เป็นอย่างไร?

สัมพันธภาพที่ดีมักเกิดจากพฤติกรรมดังนี้

  • การสื่อสารที่เปิดเผยและจริงใจ
  • พูดคุยกันได้อย่างตรงไปตรงมา แม้ในเรื่องยาก
  • เคารพซึ่งกันและกัน
  • รับฟังกัน เข้าใจมุมมองของกันและกันโดยไม่ตัดสิน
  • มีขอบเขตที่ชัดเจน (Boundaries) ต่างคนต่างมีพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ละเลยกัน
  • ให้การสนับสนุนทางอารมณ์ อยู่เคียงข้างกันเวลายากลำบาก แสดงความห่วงใยอย่างต่อเนื่อง
  • มีความไว้วางใจ (Trust) ไม่ต้องคอยตรวจสอบ ไม่ต้องระแวง เชื่อใจในความซื่อสัตย์
  • มีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์  มีความสามารถในการพูดคุย ปรับตัว และหาทางออกเมื่อมีความขัดแย้ง
  • สร้างการเติบโตร่วมกัน  ส่งเสริมกันและกันให้พัฒนา ทั้งในด้านอาชีพ ความคิด หรือชีวิตส่วนตัว
  • มีความเท่าเทียม ไม่มีใครควบคุมอีกฝ่าย หรือเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่เสมอ



สัญญาณของความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationship Signs) เป็นอย่างไร?

สัมพันธภาพที่เป็นพิษมักมีพฤติกรรมดังนี้

  • มีการควบคุมและบงการอีกฝ่ายพยายามควบคุมพฤติกรรม ความคิด หรือการตัดสินใจ
  • ความรุนแรงทางวาจา / อารมณ์ / ร่างกาย ตะโกน ดูถูก ทำให้รู้สึกด้อยค่า หรือใช้กำลัง
  • ขาดการสื่อสาร / พูดด้วยความโกรธ  เงียบใส่ หรือทะเลาะโดยไม่มีข้อยุติ
  • การกล่าวโทษตลอดเวลา   ไม่เคยยอมรับผิด มักโทษอีกฝ่ายเสมอ 
  • แสดงความไม่ซื่อสัตย์ / หลอกลวง ปกปิดเรื่องสำคัญ คบซ้อน โกหกซ้ำๆ
  • ความไม่เท่าเทียมในความสัมพันธ์ คนหนึ่งมีอำนาจมากกว่า อีกฝ่ายต้องตามตลอด
  • ทำให้รู้สึกผิดเพื่อควบคุม ใช้อารมณ์ ความรู้สึกผิด หรือคำพูดเชิงบงการเพื่อควบคุมพฤติกรรม
  • ขาดการสนับสนุนอีกฝ่าย ไม่สนใจ ไม่รับฟัง ไม่อยู่เคียงข้างในเวลายากลำบาก

     

 

ในการทำบำบัดคู่ชีวิต (Couples Therapy) สามารถช่วยปรับรูปแบบการใช้ชีวิตคู่ให้มีสุขภาวะที่ดี มีสัมพันธภาพที่แข็งแรง ช่วยเรื่องการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเชื่อใจให้กลับมาอีกครั้งในการใช้ชีวิตคู่ด้วยความเข้าใจและมีความสุข แต่อย่างไรก็ตามทั้งนี้ทั้งนั้น การบำบัดชีวิตคู่จะมีประสิทธิภาพและเห็นผลไวแค่ไหนขึ้นอยู่กับการได้รับความร่วมมือจากคู่รักทั้งสองในการทำงานร่วมมือกันกับนักบำบัดชีวิตคู่ หรือนักจิตวิทยาด้านความสัมพันธ์

นักจิตวิทยาอาจใช้เทคนิค เช่น:

  • Gottman Method: เทคนิควิธีการในการปรับปรุงสัมพันธภาพชีวิตคู่

    ที่ได้จากการสังเกตสัญญาณจากทฤษฎี “Four Horsemen”  ในเรื่องการตระหนักถึงเรื่องการสื่อสาร เช่น  คำวิจารณ์  การดูถูก  การตั้งรับ  และ  การเงียบใส่ นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญใช้เทคนิควิธีต่างๆ เหล่านี้ในการช่วยปรับปรุงการสื่อสารในชีวิตคู่ให้ดีมีความเข้าใจตรงกันมากขึ้นและแทนที่การสื่อสารที่ส่งผลลบต่อสัมพันธภาพชีวิตคู่ด้วยการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมีการเชื่อมโยงด้านความสัมพันธ์ส่วนตัวแบบลึ้งซึ้งใกล้ชิดและลดความขัดแย้ง
  • Emotionally Focused Therapy (EFT): เข้าใจรูปแบบการตอบสนองทางอารมณ์ของทั้งสองฝ่าย โดยหลักการ Humanistic approach ที่มุ่งเน้นไปที่เรื่องของประสบการณ์ด้านอารมณ์ และทฤษฎีความผูกพัน เพื่อให้เข้าใจลักษณะความสัมพันธ์ในครอบครัวของแต่ละคน ความรักความผูกพัน การอบรมเลี้ยงดู ความมั่นคงทางใจ เพื่อปรับปรุง การเชื่อมโยงทางสัมพันธภาพ การจัดการกับบาดแผลทางใจ และมีวิธีรับมือกับความเครียด วิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
  • Psychoeducation: ให้ความรู้เรื่องพฤติกรรมที่ดีและไม่ดีในความสัมพันธ์ เพื่อช่วยในการจัดการด้านความขัดแย้งที่มักเกิดเป็นวงโคจร เพิ่มประสิทธิภาพด้านการสื่อสารให้ดีขึ้นและส่งเสริมด้านความสัมพันธ์ที่ดีมีความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจถึงความต้องการของอีกฝ่ายและมีการตอบสนองในทางที่ดี แข็งแรงและปลอดภัย
  • Behavioral Interventions: ฝึกการฟังอย่างตั้งใจและให้การตอบสนองเชิงบวก เป็นการปรับปรุงพฤติกรรมด้านลบเพื่อส่งเสริมการตอบสนองด้านบวก เทคนิคนี้เป็นการจัดการด้านทักษะการสื่อสาร ทักษะการแก้ปัญหาความขัดแย้งและรวบรวมทฤษฎีและเทคนิคต่างๆด้านความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางกาย จิตใจและ อารมณ์ที่ลึกซึ้ง

 

อย่างไรก็ตามหากค้นพบว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่นั้นสร้างความยากลำบากให้กับชีวืตและอยากจะออกจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษอาจนำวิธีการเบื้องต้นนี้ไปใช้ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ของแต่ละคน


ออกจากความสัมพันธ์ Toxic อย่างไรให้ปลอดภัย

การออกจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic relationship) ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบทั้งด้าน ความปลอดภัยทางร่างกาย จิตใจ และการเงิน โดยเฉพาะหากคู่ของคุณมีลักษณะควบคุม ก้าวร้าว หรือ ใช้ความรุนแรง นี่คือแนวทางที่ปลอดภัยและได้ผล

1. ประเมินระดับความเป็นพิษ

สังเกตว่าเขา/เธอมีพฤติกรรมต่อไปนี้หรือไม่:

  • ดูถูก ลดคุณค่า หรือทำให้คุณรู้สึกผิดตลอดเวลา
  • ควบคุมการใช้ชีวิต เช่น เงิน การแต่งตัว การพบเพื่อน
  • ใช้อารมณ์รุนแรง ข่มขู่ หรือใช้ความรุนแรงทางร่างกาย/จิตใจ/ทางเพศ
  • ทำให้คุณรู้สึก “ติดกับ” หรือ “ไม่มีทางออก”

    2. วางแผนเงียบๆ
  • ไม่ควรบอกล่วงหน้า (หากเขามีพฤติกรรมรุนแรงหรือควบคุม)
  • เตรียม: เงินสำรอง และเอกสารสำคัญ (บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ATM ฯลฯ)
  • อยู่ปลอดภัยชั่วคราว เช่น บ้านเพื่อน ครอบครัว หรือศูนย์พักพิง
  • เบอร์โทรฉุกเฉิน เช่น มูลนิธิส่งเสริมความปลอดภัยในครอบครัว หรือ 1300 (สายด่วน พม.)

    3. บอกลาครั้งสุดท้าย (ถ้าปลอดภัย)
  • ถ้ารู้สึก ปลอดภัยพอ และเขาไม่ก้าวร้าว อาจบอกอย่างใจเย็น ใช้คำพูด เช่น “เราคิดมานานแล้ว และขอเลือกสิ่งที่ดีต่อใจเรา ขอจบความสัมพันธ์ตรงนี้”
  • ถ้าไม่ปลอดภัย ควรออกจากความสัมพันธ์ โดยไม่บอกล่วงหน้า

    4. ตัดช่องทางการติดต่อ
  • บล็อกเบอร์ โทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย ฯลฯ
  • เปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีสำคัญ (ถ้าอีกฝ่ายเคยรู้)

    5. ขอความช่วยเหลือ
  • คุยกับนักจิตวิทยาหรือนักบำบัด
  • เพื่อนหรือคนในครอบครัวที่ไว้ใจได้
  • สายด่วนช่วยเหลือ: 1300 (สายด่วน พม.) 1669 (ฉุกเฉินกรณีมีภัย)
  • มูลนิธิส่งเสริมความปลอดภัยในครอบครัว

    6. เยียวยาจิตใจหลังจากออกมา
  • คุณอาจรู้สึกเสียใจ ว่างเปล่า หรือกลัวให้เวลาเยียวยาใจตัวเอง       
  • ฝึกกิจกรรมที่เพิ่มคุณค่าในตัวเอง เช่น การออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ หรือเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ๆ
  • สิ่งสำคัญที่ควรจำ คุณมีคุณค่า และสมควรได้รับความรักที่ไม่ทำร้าย


 

นักจิตวิทยาสามารถช่วยเราให้ออกจากความสัมพันธ์ที่ Toxic ได้อย่างไร

นักจิตวิทยาสามารถช่วยคุณ “ออกจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationship)” ได้อย่างลึกซึ้งและปลอดภัยในหลายมิติ ทั้งด้านอารมณ์ จิตใจ และการวางแผนชีวิต โดยมีบทบาทสำคัญดังนี้:

1. ช่วยให้คุณมองเห็นว่า “ความสัมพันธ์นี้เป็นพิษจริงหรือไม่”

  • นักจิตวิทยาจะช่วยสะท้อนพฤติกรรมของคู่รักคุณอย่างเป็นกลาง เช่น คุณกำลังถูกควบคุม ถูกกดดัน หรือถูกใช้ความรุนแรงหรือไม่
  • ความสัมพันธ์ทำให้คุณรู้สึกหมดคุณค่า กลัว หรือไม่เป็นตัวเองหรือเปล่า
  • ใช้แบบประเมินความสัมพันธ์ เพื่อชี้ชัดว่าคุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ดีหรือเป็นอันตราย

 
2. ฟื้นความมั่นใจและคุณค่าในตัวเอง

  • คนที่อยู่ในความสัมพันธ์ Toxic มักถูกทำให้รู้สึกว่า "ไม่มีใครเอา"  "ไม่มีค่าพอจะมีชีวิตที่ดี" หรือ "ต้องทนเพราะไม่มีทางเลือก"
  • นักจิตวิทยาจะช่วยสร้างความเชื่อใหม่ที่ดีต่อใจ
  • ฟื้นตัวตนและความมั่นใจที่เคยถูกทำลาย

 
3. วางแผนออกจากความสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
  • โดยเฉพาะถ้าอีกฝ่ายควบคุม ใช้ความรุนแรง หรือขู่ทำร้าย
  • นักจิตวิทยาจะช่วย:วางแผนการเงิน เอกสาร ที่พัก การติดต่อคนช่วย วางแผนการบอกลา
  • หรือการตัดขาดที่ปลอดภัย (Safety Plan)
  • เตรียมใจรับมือกับการโต้ตอบ เช่น การข่มขู่ การอ้อนวอน การตามรังควาน

4. เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่คุณสามารถ “พูดทุกอย่างได้”

  • คุณอาจไม่กล้าบอกใครว่าคุณรู้สึกเจ็บ ช้ำ โกรธ หรือกลัวแค่ไหน
  • นักจิตวิทยาคือคนที่ไม่ตัดสิน รับฟังอย่างลึกซึ้ง ช่วยจัดการอารมณ์ที่สับสน หรือความรู้สึกผิดที่คุณอาจมี

5. ฟื้นฟูจิตใจหลังจากหลุดพ้น

  • แม้จะออกมาแล้ว ความเจ็บหรือ “บาดแผลในใจ” อาจยังอยู่ เช่น รู้สึกเหงา กลัวความรักครั้งใหม่ มีภาพจำจากความรุนแรง หรือคำพูดที่ฝังใจ
  • นักจิตวิทยาจะช่วย: เยียวยาแผลในใจ (trauma healing)
  • ช่วยคุณสร้างกรอบความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคต
  • เสริมทักษะการสื่อสาร การตั้งขอบเขต (boundary) กับคนอื่น
  • ถ้าคุณลังเลอยู่ นักจิตวิทยาจะไม่บังคับให้คุณตัดสินใจ แต่จะ “เดินไปพร้อมคุณ” ให้คุณเลือกในจังหวะที่คุณรู้สึกพร้อมและปลอดภัยที่สุด



 

การก้าวออกมาจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ การดูแลสุขภาวทางใจของตนเองให้ดีให้ข้มแข็งจะช่วยให้เราสามารถผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างไรก็ตามควรมองหาความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากคนที่ไว้ใจได้รอบข้าง และควรวางแผนดำเนินไว้ล่วงหน้า ควรจำไว้เสมอว่าเรามีคุณค่าและเราคู่ควรกับคนที่เห็นคุณค่าในตัวเรา

 

อ้างอิง

https://www.webmd.com/sex-relationships/healthy-vs-unhealthy-relationships

https://www.calm.com/blog/toxic-relationships#:~:text=Staying%20in%20a%20toxic%20relationship%20can%20have%20profound%20effects%20on,appetite%2C%20or%20chronic%20health%20issues

https://www.icope.nhs.uk/camden-islington/what-we-offer/behavioural-couples-therapy-bct/#:~:text=Behavioural%20Couples%20Therapy%20(BCT)%20is,to%20distress%20within%20the%20relationship.

 





Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้