1163 จำนวนผู้เข้าชม |
EMDR Therapy กับ Stabilization Technique ที่ใช้ในการบำบัดซึมเศร้าสำคัญอย่างไร?
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา
Dr. Marid Kaewchinda (Ph.D)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
นักจิตบำบัด EMDR Psychotherapy/ Brainspotting Psychotherapy Practitioner
ในการทำบำบัดรักษาอาการบาดแผลทางใจ ภาวะซึมเศร้าหรือการทำงานกับปมประเด็นบาดแผลทางใจในอดีต สิ่งที่สำคัญมากๆและเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือทักษะพื้นฐานในการทำ stabilization techniques
ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตบำบัดEMDR จะสอนทักษะ Stabilization techniques ให้กับผู้รับบำบัดก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อจะได้สามารถก้าวไปสู่ขั้นตอนจัดการกับประเด็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปมบาดแผลทางใจ ซึมเศร้าหรือความเจ็บป่วยทางใจต่างๆ
การบำบัดความเจ็บป่วยด้านใจ เช่นภาวะซึมเศร้า เครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ แพนิคแอคเทค เราสามารถนำทักษะstabilizationนี้ไปใช้เพื่อรับมือกับภาวะด้านจิตใจที่อาจหวนกลับมารบกวนความคิด ความรู้สึก และแน่นอนความเครียด วิตกังวลเหล่านั้นมักส่งผลกระทบต่ออาการแสดงออกทางกายในรูปแบบต่างๆดังนั้นstabilization techniques จึงเป็นการเตรียมเราให้พร้อมก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนเผชิญหน้ากับความภาวะเจ็บป่วยทางใจหรือภาวะซึมเศร้าเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนในการทำงานเพื่อแก้ไขปมปัญหากับระบบการประมวลผลความทรงจำอันเลวร้ายในสมองในขั้นต่อไปได้
เทคนิคจิตบำบัด EMDR หรือกระบวนการในการทำEMDR Therapy นับว่าเป็นเครื่องมือที่ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในระยะเวลาอันสั้นเมื่อเทียบกับการทำบำบัดแบบtalk-therapy หรือ กระบวนการปรึกษาแบบcounseling ทั่วไป
EMDR Therapy มีการทำงานตรงกับสมองทั้งสองด้าน ทั้งซ้ายและขวา ทำให้กระบวนการความทรงจำที่ติดค้างได้ไหลลื่น ผลลัพธ์ทำให้หายจากอาการบาดแผลทางใจ วิตกกังวล นอนไม่หลับ แพนิค อารมณ์ที่แปรปรวนดีขึ้นเนื่องจากไม่ถูกรบกวนจากความทรงจำหรือประสบการณ์อันเจ็บปวดแล้วคอยหวนกลับมาทำร้ายจิตใจอีก
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านEMDR Therapy อาจต้องใช้เวลาในการ พูดคุยสอบถามความคาดหวังและความต้องการของผู้รับบำบัดในเบื้องต้นเพื่อให้ทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงในการมารับบริการด้านจิตบำบัดEMDR
และผู้เชี่ยวชาญอาจต้องให้ความรู้เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการรักษาและข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของจิตบำบัด EMDR ก่อนเริ่มด้วยเช่นกัน
ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ EMDR Therapy
EMDR มีทั้งหมด 8 phrases
ขั้นเตรียมต้ว ประกอบไปด้วย
1. สอบถามประวัติการป่วยและแผนการรักษา
2. Stabilization เทคนิค
ขั้นตอนเข้าสู่กระบวนการ
3. การใช้เครื่องมือเทคนิคบำบัดใจ
4. การเข้าจัดการกับความทรงจำด้านลบ
5. เทคนิคติดตั้งประสบการณ์บวก
6. สำรวจและจัดการกับปมบาดแผลทางใจที่เป็นสาเหตุให้ร่างกายเจ็บป่วย
7. การปิดประสบการณ์เลวร้ายปมบาดแผลทางใจ ที่อาจซ่อนอยู่ตามร่ายกายและอาการภาวะทางใจและความเครียดได้รับการช่วยเหลือแก้ไขให้สมบรูณ์และสงบลงและเกิดการประมวลผลใหม่ขึ้นโดยจะเกิดผลทางความคิดในสมองด้านบวกและประเด็นปัญหาถูกจัดเก็บโดยถูกต้องสมบรูณ์
8. การประมวลผลเสร็จสมบรูณ์พร้อมเริ่มการบำบัดในประเด็นต่อไปในขั้นตอนนี้กระบวนการจิตบำบัดEMDR ได้เข้าจัดการแก้ไขด้านความทรงจำอันเลวร้ายให้ถูกลดความรุนแรงได้แล้วและสร้างการรับรู้ความทรงจำด้านบวกทำให้เกิดความเข้นแข็งและพร้อมที่จะทำงานในประเด็นต่อไปตามเป้าหมายที่วางไว้และมีการรักษาอาการอื่นที่เกี่ยวโยงกับความเจ็บป่วยทางกายให้ดีขึ้น
หลังจากทำบำบัดด้วยEMDR ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้หาเวลาผ่อนคลาย ผู้เข้ารับการบำบัดควรให้ร่ายกายได้รับการพักผ่อน
เนื่องจากในกระบวนการทำจิตบำบัดEMDR นั้นร่ายกายอาจมีการตอบสนองแสดงปฎิกิริยาต่อปมบาดแผลที่อยู่ในใจและส่งผลต่อความเจ็บปวดต่อร่างกายในหลายๆจุด
EMDR Therapy เป็นการจัดการกับบาดแผลทางใจที่ส่งผลต่อการกระตุ้นการทำงานด้านร่ายกายและจะsensitive ต่อการตอบสนองด้านจิตใจหรือที่เรียกว่า somatic therapy
ดังนั้นเมื่อเสร็จกระบวนการรักษาในแต่ละครั้งควรให้ร่างกายได้รับการพักผ่อน
กิจกรรมผ่อนคลายหลังจบการบำบัดด้วยEMDR
1. ดื่มน้ำมากๆ
2. นอนหลับพักผ่อนตามปกติ
3. ดูหนัง ฟังเพลงหรืออาบน้ำ
4. เพิ่มสติการรับรู้ห้กับประสาทสัมผัสทั้ง5 เช่น ดื่มน้ำเย็นและให้รับรู้ถึงการไหลผ่านลงไปที่คอ
5. บริหารร่างกายเช่นโยคะ
เทคนิคที่ควรฝึกฝนหลังจบการทำ EMDR Therapy Session ทุกครั้ง
ในการทำEMDR Therapyผู้มารับบริการบำบัดจะได้เรียนรู้ทักษะและเทคนิค stabilization techniques
ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมาก หรือในทำนองเดียวกันหากเราเคยทำcounseling หรือเคยเข้ารับการปรึกษาด้านจิตวิทยาแบบtalk therapy หรือ counseling
ผู้เชี่ยวชาญจะสอนเทคนิคที่เรียกว่า grounding techniques ซึ่งจัดอยู่ในหมวดเทคนิคด้านการฝึกฝนสมาธิความสงบทางจิตใจในกลุ่มเดียวกัน
ทั้ง stablization และ grounding techniques เป็นเทคนิคทางจิตวิทยาที่ใช้เมื่อเกิดภัยความรู้สึกเครียด วิตกกังวล แพนิค หรืออาการอื่นๆที่ส่งผลต่อร่ายกายในการช่วยดึงสติให้กลับมาโฟกัสอยู่กับปัจจุบัน ไม่ให้จิตเราล่องลอยหรือฟุ้งซ่าน
และจากงานวิจัยพบว่าสามารถใช้grounding techniques และ stabilization techniques ส่งผลดีต่อการทำEMDR Therapy ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไวขึ้น
หากผู้รับการบำบัดฝึกฝนเทคนิคที่เหมาะกับตัวเองเป็นประจำจะสามารถช่วยลดภาวะอาการแพนิค เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากฝึกจนชำนาญใช้รับมือกับอาการเครียด วิตกกังวล แพทนิคเอคแทคที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีเวลาเกิดอาการไม่พึงประสงค์มารบกวนจิตใจ
นอกจากนี้เทคนิคด้านจิตวิทยาเหล่านี้ยังสามารถช่วยจัดการกับอาการภาวะทางจิตใจที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆที่ส่งผลแสดงออกเป็นความเจ็บปวดด้านร่างกายได้ เช่นภาวะนอนอนไม่หลับ ใจสั่น เหงื่อแตกพล่าน กลัวตาย หรือมีความคิดทำร้ายตัวเองให้ทุเลาและค่อยๆดีขึ้นจนหายเป็นปกติได้
ผู้มารับบริการด้านจิตบำบัด EMDR จะได้รับเครื่องมือในการฝึกฝนทักษะ เพื่อใช้ต่อสู้จัดการกับความทรงจำอันเลวร้ายที่สร้างให้เกิดปมบาดแผลทางใจให้กับเราอย่างstabilization techniques และ grounding techniques
ผู้เชี่ยวชาญจะให้เครื่องมือเทคนิคด้านจิตวิทยานี้กับเราอย่างมากมายหลากหลาย เพื่อเราจะสามารถนำไปฝึกฝนและใช้ได้อย่างชำนาญเมื่อเกิดภาวะถูกรบกวนด้านจิตใจกลับเข้ามาอีก
การฝึกฝนทักษะ stabilization เทคนิค และ grounding เทคนิค ดีอย่างไร
การเรียนรู้ทักษะstablization และ grounding techniques ก็เพื่อการจัดการกับภาวะอาการทางจิตใจที่ถูกรบกวนจากปมบาดแผลทางใจ ประสบการณ์ชีวิตด้านลบต่างๆจนเกิดเป็นความผิดปกติที่แสดงออกทางกาย และมักเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาแจ้งเตือน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยกะทันหัน เช่น แพนิคแอคเทค panic attack วิตกกังวล เครียด ซึมเศร้า depression นอนไม่หลับ มีความคิดลบ flashback ความทรงจำอันเลวร้ายย้อมกลับมาในหัว phobia กลัวบางสิ่งบางอย่าง มีความคิดทำร้ายตัวเอง อยากฆ่าตัวตาย หรือ อาการด้านจิตเวชอื่นๆที่ทำให้ร่ายกายเจ็บป่วยเรื้อรังหาสาเหตุไม่พบ
stabilization เทคนิค และ grounding เทคนิค สามารถช่วยเราให้เกิดการรับรู้อยู่กับปัจจบันโดยไม่หลงไปในอดีตที่กลับไปแก้ไขไม่ได้ และไม่เป็นโรควิตกกังวลไปในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น ทำให้เรามีสติมีความสงบอยู่กับปัจจุบันไม่ฟุ้งซ่าน
3 เทคนิค stabilization ในการทำบำบัดซึมเศร้าด้วย EMDR ที่ควรฝึกฝนทุกวันมีอะไรบ้าง?
1. Butterfly Hug
เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของสมอง2ด้านเพื่อใช้ในการลดผลกระทบด้านความวิตกกังวล ความเครียด และจัดการกับความคิดลบ
2. Visual Grounding
ช่วยด้านอารมณ์ที่ตึงเครียด ความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ที่เจอมา เน้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 การรับรู้ทางกาย การฝึกการหายใจ และการสร้างสถานที่ปลอดภัย
3. Coherent Breathing
การฝึกหายใจที่เชื่อมต่อระหว่างการทำงานของสมองและหัวใจ การจะควบคุมการจังหวะการเต้นของหัวใจได้ต้องควบคุมสมองให้ได้ก่อน
นอกจากเทคนิค stabilization หลักๆที่ได้กล่าวมาแล้วเรายังสามารถฝึกgrounding techniques อื่นๆร่วมด้วยได้ เช่น
1. Physiological Sighing ช่วยให้ร่างกายได้ลดความดันเลือดที่จะเข้าสู่หัวใจทำให้อาการวิตกกังวล และเครียดลดลง วิธีฝึกคือให้กำหนดลมหายใจเข้า-ออก ครั้งละ2 วินาที 6 เซ็ต
2. Silent yelling เป็น directed neuroplasticity practice คือทำให้สมองลองเปลี่ยนโฟกัสไปใช้อวัยวะส่วนอื่นแทนเมื่อเจอตัวกระตุ้นเช่น ให้ทำหน้าตะโกนแต่ไม่มีเสียงออกมาแต่ให้ไปแสดงการเคลื่อนไหวที่ท้องแทน
3. Mindfulness walk ช่วยให้เกิดการรับรู้ถึงระบบประสาทสัมผัสทั้งหมดในขณะเดิน ฟังเสียง มองเห็น รับรู้สัมผัส เพื่อลดความเครียด และความวิตกกังวลภายในใจ
4. Rainbow breathing เป็นการช่วยเพิ่มออกซิเจนให้สมองและร่างกาย เพื่อช่วยลดภาวะความเครียด วิตกกังวล โดยใช้การฝึกหายใจให้เข้าไปให้ลึกถึงอก กระบังลม ท้อง และหายใจออกทางปากโดยจินตนาการให้การหายใจเพิ่มขึ้นตามสีของสายรุ้งจนครบและทำซ้ำอีกจินตนาการหายใจออกโดยสีสายรุ้งค่อยๆหายไปจนครบหมดทุกสี ช่วยให้สมองมีการรับรู้แบบมีสติและสมองมีจุดโฟกัสมากขึ้น หากไม่สามารถจินตนาการได้ให้วาดภาพรุ้งในกระดาษแทนได้
5. Daydream เป็นการกระตุ้นสมองให้นำความทรงจำหรือจิตนาการด้านบวกกลับมาเพราะบางครั้งการดำเนินชีวิตถูกปกคลุมไปด้วยความเครียดที่เป็นพิษและการตอบสนองมักเป็นด้านลบจึงต้องได้รับการกระตุ้นประสบการณ์ด้านบวกอีกครั้ง
Stabilization และ Grounding Techniques สำคัญอย่างไรต่อการทำจิตบำบัด EMDR
Stabilization และ Grounding Techniques คือการฝึกฝนเทคนิคด้านจิตวิทยาเพื่อให้ดึงจิตใจของตัวเองออกมาจากภาวะความทรงจำอันเลวร้าย หรือ ทรงจำด้านลบที่ไม่พึงประสงค์
Stabilization และ grounding Techniques สามารถช่วยให้เราโฟกัสอยู่กับปัจจุบัน โดยดึงความสนใจเราออกไปจากความคิดฟุ้งซ่านที่เราหวนนึกถึงแล้วทำให้ส่งผลต่อความวิตกกังวลในจิตใจ รวมถึงอาจไปกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกด้านลบให้กลับมาอยู่กับช่วงเวลาในปัจจุบัน
Stabilization และ Grounding Techniques ที่สามารถใช้ควบคู่กันได้
เพื่อให้เรามีพื้นที่ในการพักใจกับความรู้สึกในเหตุการณ์ที่สร้างความไม่ปกติด้านจิตใจและลดภาวะอาการต่างๆได้เช่น
สรุปสั้นๆได้ดังนี้ว่า stabilization และ grounding Techniques ในจิตบำบัด EMDR จะโฟกัสอยู่3 ระดับคือ