5 จำนวนผู้เข้าชม |
ทำไมพี่น้องแข่งขันและอิจฉากัน
(Sibling rivalry)
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner
การแข่งขันและอิจฉาระหว่างพี่น้อง (Sibling rivalry) เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งส่วนใหญ่มาจากความต้องการได้รับความรัก ความสนใจ และการยอมรับจากพ่อแม่ รวมถึงความแตกต่างในความสามารถ ทรัพยากร และบทบาทในครอบครัว
ตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้เกิด Sibling rivalry ได้แก่:
เมื่อพี่น้องมีความสามารถหรือความสำเร็จต่างกัน อาจทำให้เกิดความรู้สึกอิจฉาหรือต้องการตามให้เท่าเทียม
การแข่งขันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะในวัยเด็ก ซึ่งช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ว่าทำอย่างไรให้ได้รับการยอมรับในกลุ่ม
การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ปกครองและพี่น้องมีความเข้าใจและจัดการกับ Sibling rivalry นี้ได้อย่างเหมาะสม โดยส่งเสริมความรัก ความเข้าใจ และสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
Sibling rivalry ในวัยผู้ใหญ่เกิดจากสาเหตุใด และควรแก้ไขอย่างไร?
Sibling rivalry ในวัยผู้ใหญ่มักเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างจากวัยเด็ก ซึ่งอาจรวมถึงปัจจัยดังนี้:
สาเหตุของ sibling rivalry ในวัยผู้ใหญ่
บางกรณี ความรู้สึกว่าได้รับความรักหรือความสนใจไม่เท่าเทียมกันเป็นเหตุให้เกิดความไม่พอใจและขัดแย้ง
แนวทางแก้ไข Sibling rivalry ในผู้ใหญ'
1. ปิดใจพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา
การสื่อสารอย่างเปิดเผยและซื่อสัตย์ช่วยลดความเข้าใจผิด และสร้างความเข้าใจระหว่างกัน
2. ยอมรับความแตกต่างและเคารพในสิทธิ์ของกันและกัน ควรเคารพสิทธิ์และความแตกต่างของแต่ละคน โดยไม่เปรียบเทียบหรือคาดหวังมากเกินไป
3. ตั้งขอบเขตและปฏิบัติตนอย่างเป็นธรรม
รักษาความเป็นธรรมในเรื่องทรัพย์สิน ความสนใจ และการแบ่งเวลาให้กัน
4. แก้ไขอดีตและปล่อยวางความผิดหวัง
พยายามให้อภัยและปล่อยวางความผิดหวังในอดีต เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคต
5. หาแนวทางสร้างความสัมพันธ์ใหม่
เข้าร่วมกิจกรรมร่วมกัน เช่น การพบปะ พูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและลดความขัดแย้ง
ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องในวัยผู้ใหญ่มักซับซ้อน แต่ด้วยความเข้าใจและการสื่อสารอย่างเปิดเผย จะช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้
อะไรคือเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่ในเชิงจิตวิทยาของ Sibling rivalry
เบื้องหลังทางจิตวิทยาของความแข่งขันและอิจฉาระหว่างพี่น้อง คือกลไกและปัจจัยทางจิตวิทยาที่ทำให้เกิดความขัดแย้งนี้ ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้:
บุคลิกภาพของแต่ละคน เช่น ความหุนหันพลันแล่น ความอ่อนไหว หรือความคิดต้องการควบคุม อาจเป็นตัวแปรที่ทำให้เกิด Sibling rivalry ได้ง่ายขึ้น
โดยรวมแล้ว เบื้องหลังทางจิตวิทยาของ Sibling rivalry มักมาจากความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ในการได้รับความรักและความยอมรับ การเปรียบเทียบในครอบครัวเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกด้อยค่าและแข่งขันกันเพื่อเป็นที่สนใจและได้รับการยอมรับจากพ่อแม่หรือคนรอบตัว
พ่อแม่มีอิทธิพลอย่างไรต่อการเกิด Sibling rivalry
พ่อแม่มีอิทธิพลค่อนข้างมากต่อการเกิดและพัฒนาของ "ความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง (Sibling Rivalry)" ทั้งในแง่ของการกระตุ้นให้เกิดขึ้นและการจัดการกับปัญหา อิทธิพลที่สำคัญเช่น:
1. การประเมินและเปรียบเทียบ (Comparison and Favoritism):
การที่พ่อแม่เปรียบเทียบบุตรหลานกันทั้งทางตรงและทางอ้อม สามารถสร้างความรู้สึกท้อแท้ อิจฉา และต้องการที่จะแข่งขันเพื่อได้รับการมองเห็นหรือการประเมินคะแนนที่ดีกว่าจากพ่อแม่
การแสดงออกในรูปแบบที่น้องได้รับความสนใจมากกว่าพี่ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยนั้น สามารถสร้างความรู้สึกไม่ดีและความขัดแย้งระหว่างพี่น้องได้
2. การให้ความสนใจ การดูแล และการจัดหาทรัพยากร (Allocation of Attention, Care, and Resources):
การที่บุตรหลานคนหนึ่งรู้สึกว่าได้รับความสนใจหรือทรัพยากร (เช่น เงิน ของขวัญ โอกาส) น้อยกว่าคนอื่น จะทำให้เกิดความรู้สึกขาดความสนใจและพยายามแสดงตัวเองให้ดูดีขึ้นบ่อยครั้งอาจพยายามเอาชนะด้วยการแข่งขันหรือทำร้ายผู้อื่น
การที่พ่อแม่ให้ความสนใจแตกต่างกันในการเลี้ยงดูลูกแต่ละคน (เช่น ดูแลด้านความเป็นอยู่ที่แตกต่าง เข้มงวดกับระดับความสำเร็จที่แตกต่าง) สามารถเป็นตัวกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างพี่น้องได้
3. รูปแบบการดูแลและการเรียกร้อง (Parenting Styles and Demands):
การเรียกร้องมากเกินไปของพ่อแม่ หรือตั้งเป้าหมายสูงเกินเป็นไปได้ รวมทั้งมีความคาดหวังที่แตกต่างกันระหว่างพี่น้อง สามารถสร้างความกดดันและความไม่เป็นธรรมที่นำสู่ความขัดแย้งได้
การดูแลแบบเคร่งครัดเกินไปหรืออนุรักษ์นิยม อาจเป็นอุปสรรคในการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาที่ส่งผลต่อความรับผิดชอบต่อตนเองของลูก ทำให้ต้องพึ่งพาการแข่งขันหรือความขัดแย้งเพื่อหาการยอมรับ
4. การจัดการความขัดแย้ง (Conflict Management):
วิธีที่พ่อแม่เข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพี่น้องมีความสำคัญมาก การแก้ปัญหาด้วยการให้ใครบางคนเป็นผู้รับผิดโดยไม่สืบสวน หรือการจบปัญหาแบบแยกย้ายโดยไม่แก้ไขปัญหาเลย จะส่งเสริมให้ความขัดแย้งให้ดำเนินต่อไปและมักเกิดขึ้นซ้ำอีก การสอนทักษะการแก้ปัญหา การเจรจา และการแบ่งปัน จะช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
5. การแสดงออกทางอ้อม (Implicit Messages):
ความคิดเห็นหรือการพูดคุยที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการแข่งขันหรือความเป็นพี่น้อง (เช่น "แต่ละคนต้องแข่งกันดีขึ้น") เป็นการส่งสัญญาณและกระตุ้นพฤติกรรมให้เกิดการแข่งขันกับระหว่างพี่น้อง
6. การเลี้ยงดูแบบเป็นกลาง (Fairness Perception):
แม้ว่าการดูแลแต่ละคนจะต้องมีความเหมาะสมตามความต้องการและลักษณะเฉพาะ แต่การที่พ่อแม่ปฏิบัติต่อบุตรหลานแต่ละคนด้วยความยุติธรรม (fairness) ในมุมมองของเด็ก ย้ำว่าเป็นการรับรู้ของเด็ก จะช่วยลดความขัดแย้งได้มาก
ในความเป็นจริงแล้ว ความขัดแย้งระหว่างพี่น้องบางส่วนอาจเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตที่ปกติ แต่การปฏิบัติของพ่อแม่สามารถทำให้มันรุนแรงขึ้น หรือช่วยให้ลดลงได้ และใช้การสอนทักษะการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อไปได้ ความสำคัญอยู่ที่ความเข้าใจและการจัดการโดยพ่อแม่ในแนวทางที่สร้างสรรค์และยุติธรรม
เมื่อถูกเปรียบเทียบและถูกปฎิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากพ่อแม่ ควรทำอย่างไร
การถูกเปรียบเทียบและปฏิบัติไม่เป็นธรรมจากพ่อแม่นั้นเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกเสียใจ รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง และอาจทำให้เกิดความเครียด หรือความไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามเราควรทำบางสิ่งเพื่อเป็นการปกป้องจิตใจตัวเอง
การรับรู้และยอมรับอารมณ์ของตัวเอง
อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านี้ (เช่น โกรธเคือง อิจฉา ไม่มีคุณค่า) มาทำร้ายจิตใจ อารมณ์เหล่านี้มักถูกซ่อนอยู่ การยอมรับและรับรู้ว่าคุณมีความรู้สึกไม่ดี เพราะถูกเปรียบเทียบหรือปฏิบัติไม่เป็นธรรม เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด
2. การสื่อสาร (Communicate, if possible and safe)
ใช้การสื่อสารในโอกาสที่เหมาะและปลอดภัย ควรพูดกับพ่อแม่เกี่ยวกับความรู้สึกของคุณ ใช้โทนเสียงที่เหมาะสมในแนวทางที่ไม่โจมตี เช่น "คุณรู้สึกเสียใจที่ถูกเปรียบเทียบกับคนอื่น มันทำให้คุณรู้สึกไม่ดี" หรือ "คุณรู้สึกไม่โอเคกับการกระทำของพ่อแม่"
อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจว่าการพูดออกไปไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่จะเปลี่ยนได้ทันที แต่มันเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกของคุณและเป็นโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะเข้าใจ แม้ว่าจะไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดเลยก็ตาม
3. ตั้งข้อคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมของพ่อแม่
จินตนาการให้พ่อแม่ของคุณเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับการแนะนำถึงวิธีการที่ดีที่สุดในการเป็นพ่อแม่ หรืออาจมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้พวกเขามีพฤติกรรมแบบนี้ (แม้ว่าจะไม่ได้เป็นที่ยอมรับ) การทำเช่นนี้อาจช่วยลดความโกรธเคืองบ้าง แต่อย่าใช้เป็นข้ออ้างที่จะให้พวกเขาทำต่อไปได้
4. กำหนดขอบเขต (Set Boundaries)
หากการเปรียบเทียบหรือการปฏิบัติไม่เป็นธรรมเป็นเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกแย่บ่อยครั้ง คุณอาจต้องกำหนดขอบเขตกับพวกเขา เช่น:
หากคุณรู้สึกท้อถอย โดยเฉพาะหากคุณยังเป็นเด็กหรือวัยรุ่น การพูดกับผู้ใหญ่ที่คุณไว้วางใจ (เช่น ครู พี่เลี้ยง พี่ชาย/น้องสาว หรือญาติผู้ใหญ่ที่เคารพอื่น ๆ) สามารถช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นและได้รับมองเห็นถึงคุณค่าของตัวเองได้
หากเป็นไปได้ หาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ: หากความรู้สึกนี้ยังคงปรากฏอยู่แม้ว่าคุณจะโตแล้ว หรือมีผลกระทบต่อชีวิตของคุณอย่างมาก การพูดกับนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ สามารถช่วยคุณในการทำความเข้าใจกับปัญหาเหล่านี้ และรับมือกับผลกระทบที่ยังคงอยู่ได้
สำคัญที่สุดคือ การรับรู้ว่าคุณไม่ได้เป็นคนเลวหรือมีความผิด แต่เป็นพ่อแม่ที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องหรือขาดทักษะความรู้ทางด้านการเป็นพ่อแม่ การดูแลตัวเองและสร้างค่านิยมของคุณเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินหน้าต่อไป
อ้างอิง
https://www.ebsco.com/research-starters/psychology/sibling-rivalry#:~:text=Factors%20such%20as%20age%2C%20birth,can%20exacerbate%20feelings%20of%20jealousy
https://www.sedonasky.org/blog/the-psychology-behind-sibling-rivalry