Low Self Esteem ส่งผลเสียอย่างไร ?

4282 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Low Self Esteem ส่งผลเสียอย่างไร ?

Low Self-Esteem ส่งผลเสียอย่างไร ?

 

ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.) นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

 

 

บางครั้งคนเราอาจเกิดความไม่มั่นใจ หรือไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งก็อาจเกิดขึ้นได้บ้างเป็นช่วงๆ ยังถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากอาการขาดความเชื่อมั่น ไม่มีความมั่นใจ หรือ มีความรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ ทำไม่ดีจนไม่เห็นคุณค่าในตัวเองนั้น เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หรือไม่รู้สึกพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น หรือไม่มีความสุขกับตัวเอง นั่นอาจไม่ใช่เรื่องปกติ อาจเข้าข่าย ของคนมีระดับ self esteem ต่ำ

หากเรามีความคิดเป็นลบกับตัวเอง วิจารณ์ตัวเองที่รุนแรงอยู่ตลอดเวลา หรือไม่มีความคิดด้านบวกเกี่ยวกับตัวเอง มีแต่คิดว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น และมักโทษตัวเองเมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ พึ่งโชคชะตาแทนที่จะพึ่งตัวเองเป็นความคิดที่แย่ ความคิดแบบนี้หากปล่อยไปเรื่อยๆย่อมไม่เป็นผลดีต่อการใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่างแน่นอน ดังนั้นอย่าปล่อยให้ การมี self-esteemต่ำ ทำให้ชีวิตขาดความสุขและอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ เพราะการเป็นคนมี self- esteem ระดับปกตินั่นสามารถฝึกฝนและพัฒนาได้


 

การพัฒนาself-esteem ทำได้อย่างไร?

Self-esteem นั่นเกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของคนเรา และเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ว่าจะมีหรือไม่มี เช่นเดียวกับความสุขในชีวิตเราก็สามารถเลือกได้ และสามารถฝึกที่จะมองโลกอย่างมีความสุขได้ ดังนั้นเราจึงควรหมั่นฝึกฝนเรื่องต่อไปนี้เพื่อพัฒนา self esteem ให้อยู่ในระดับที่สามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกอย่างมีความสุขและพอใจกับชีวิตได้ 

 

การเสริมสร้าง self-esteem มีวิธีปฎิบัติดังนี้

  • พูดกับตัวเองดีๆ- ให้เหมือนเรากำลังพูดกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง หัดรักตัวเองและเข้าใจตัวเอง ดูแลจิตใจตัวเอง และมีเมตตากับตัวเอง เมื่อเกิดความผิดพลาดควรรู้จักให้อภัยตนเองด้วย
  • อย่าพูดลบเกี่ยวกับตัวเอง- ทุกครั้งที่เราวิจารณ์ตัวเองในแง่ลบ ให้เราหยุดและมองหาหลักฐานว่าเป็นจริงอย่างที่เราคิดไหม หรือถามความเห็นจากคนที่เราไว้ใจว่าเป็นแบบนั้นไหม บางครั้งเราอาจคิดไปเองโดยไม่มีเหตุความจริง
  • หยุดเปรียบเทียบ- การเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นเป็นสิ่งไม่สมควรเพราะคนทุกคนมีคุณค่าในตัวเองที่แตกต่างกันในแบบของตนเอง เราควรยอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็นและยอมรับในความแตกต่าง
  • มองเห็นคุณค่าที่ตนมี- คนทุกคนมีดีและมีความสามารถ เราควรมีความเชื่อมั่นว่าเราก็ทำให้อะไรให้สำเร็จได้เช่นกัน ชื่มชมตนเอง และพึ่งตนเอง
  • ปล่อยวางอดีต- มองปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าความเศร้าเสียใจหรือความผิดหวังในอดึต
  • ให้กำลังใจตัวเองทุกวัน- หาปรัชญาการดำเนินชีวิต คำคม มาเป็นกำลังใจให้ตัวเองก้าวเดินไปโดยมีหลักและอุดมการณ์สู่ความสำเร็จ
  • หยุดกังวล- พยายามโฟกัสกับปัจจุบันและไม่ควรกังวลมากไปกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
  • ใช้ชีวิตให้สนุก- หากิจกรรมที่สนุกๆทำทุกสัปดาห์
  • ออกกำลังกาย- เพื่อกระตุ้นสมองให้ต่อสู้กับโรคซึมเศร้า เริ่มที่ละขั้นตอนในการออกกำลังกายทำทุกวันด้วยตัวเอง หรือไปเข้ายิม
  • สื่อสารกับผู้อื่นในสิ่งที่ตนต้องการ- การแสดงออกในเรื่องความรู้สึกและความต้องการที่แท้จริงเป็นสำคัญมากควรซื่อสัตย์กับตนเอง
  • ฝึกฝนทุกข้อที่ได้กล่าวมาด้านบนเป็นประจำทุกวัน- เพื่อเป็นการแทนที่ความคิดลบกับตนเอง ให้เวลาตนเองในการค่อยๆเปลี่ยนแปลง อาจทำเป็นตารางหรือ แผนภูมิแสดงความก้าวหน้าของการเปลี่ยนแปลงที่ดี




อย่างไรก็ตามเรื่องการสร้างSelf- Esteem ในเด็ก และ เยาวชน ก็สำคัญไม่แพ้ในวัยผู้ใหญ่เพราะนอกจาก self-esteemจะช่วยเรื่องแรงบันดาลใจในการพลักดันชีวิตไปสู่ความสำเร็จและดึงศักยภาพที่แท้จริงของเขาออกมาแล้ว self-esteem ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้เขาสามารถดูแลสุขภาพกายและใจของตนเองได้ 

เพราะ ในบางครั้งเด็ก และเยาวชน อาจต้องพบเจอกับความรุนแรง และความเสี่ยงต่างๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคม เด็กและเยาวชนอาจตกเป็นเหยื่อในการกระทำที่รุนแรง หรือ อาจพบเห็นเหตุการณ์การกระทำรุนแรงที่เกิดกับคนใกล้ตัว เพื่อน หรือ คนในครอบครัว 

คุณพ่อ- คุณแม่ควรสร้างบรรยากาศในบ้านให้ปราศจากความรุนแรง เพื่อให้เด็กรู้สึกปลอดภัย และควรสร้างเสริม Self-esteem หรือ สร้างความมั่นใจให้กับลูก ให้เขารู้จักเห็นคุณค่าในตัวเอง เคารพนับถือตัวเอง คอยช่วยเขาด้านจิตใจและให้กำลังใจเพื่อให้เขาสามารถต่อสู้กับอุปสรรค์ และเอาตัวเองออกจากปัญหาด้วยความกล้าหาญเมื่อเกิดเหตุการณ์อันตรายขึ้น ช่วยให้เขารู้จักปกป้องตนเองในเวลาที่คับขันและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้

 



 

คุณพ่อ-คุณแม่จึงควรหมั่นส่งเสริมการสร้างself-esteem ด้วยเทคนิคดังต่อไปนี้

3 เทคนิคในการช่วยสร้าง self-esteem เพื่อเสริมแรงใจให้แข็งแกร่ง 



1.  รับฟังลูก
หมั่นพูดคุยกับลูกในทุกๆวันและแสดงให้ลูกเห็นว่าชีวิตเขามีคุณค่าเขามีความหมายกับคนในครอบครัวเสมอ

2. มีทัศนคติที่เป็นบวกต่อลูก
ใส่ใจเรื่องต่างๆของลูกโดยเฉพาะ ชีวิตในโรงเรียน เช่น เรื่องเพื่อน เรื่องการเรียน และควรไปร่วมงานโรงเรียนของลูกทุกครั้งเท่าที่จะทำได้เพราะนั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณแคร์เขาแค่ไหน
 
3. สนับสนุนแรงใจเพื่อให้ลูกทำภาระกิจได้สำเร็จ
คุณพ่อ-คุณแม่ ผู้ปกครอง ควรให้กำลังใจ และเป็นแรงพลักดันให้ลูกในการทำภาระหน้าที่ที่เขามุ่งมั่นตั้งใจทำให้สำเร็จ และควรชื่นชมลูกทุกครั้งที่เขาทำความดี ทำสิ่งที่ถูกต้องหรือให้การช่วยเหลือผู้อื่น

เทคนิคง่ายๆเหล่านี้ทุกท่านสามารถลองนำไปปรับใช้เพื่อสร้างทักษะและช่วยสร้างกำลังใจอันแข็งแกร่งให้ลูกเวลาที่ลูกต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

 

 

อย่างไรก็ตาม คุณพ่อ-คุณแม่ และผู้ปกครอง ควรอบรมสั่งสอนลูกไม่ให้ไปรังแกผู้อื่น หากไม่ชอบให้ผู้อื่นมารังแกเรา หรือทำสิ่งใดที่เราไม่ชอบ เราก็ไม่ควรไปทำสิ่งนั้นกับใครเช่นกัน และควรสอนให้ลูกรู้เท่าทันภัยร้ายจากยาเสพติดและพิษภัยจากของมึนเมา สุราหรือเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ต่างๆ และควรสอนลูกในเรื่องการจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกโกรธของตนเองเมื่อถูกทำให้ขัดใจ โดยไม่ใช่ความรุนแรง

อย่าลืมว่า ความรุนแรงยิ่งทำให้ปัญหาลุกลามปานปลาย ดังนั้นหากคุณพ่อ-คุณแม่ หรือผู้ปกครองหากรู้สึกว่าลูกของตนเองมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์โกรธจนอาจะต้องขอความช่วย สามารถปรึกษา หรือ ขอคำแนะนำจากนักจิตวิทยาได้

การปรึกษานักจิตวิทยาจะช่วยดูแลด้านจิตใจและปรับแนวทางปฎิบัติที่เป็นปัญหาด้านพฤติกรรมที่ก้าวร้าว รุนแรง ของลูก หรืออาจช่วยเรื่องสภาพจิตใจลูกให้กลับมาเป็นปกติ ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น และ เพื่อลดความรุนแรงในการแก้ปัญหาหรือลดความขัดแย้งลงได้


หากพบว่าต้องปรึกษานักจิตวิทยาในการสนับสนุนหรือช่วยเหลือเรื่องself esteem หรือความเห็นคุณค่าในตัวเองสามารถปรึกษา Better Mindได้

อ้างอิง:

https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/healthyliving/self-esteem#characteristics-of-low-selfesteem
https://www.bettermindthailand.com/

https://www.facebook.com/BettermindThailand





 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้