ต่างกันยังไง? จิตแพทย์ vs นักจิตวิทยา

20 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ต่างกันยังไง? จิตแพทย์ vs นักจิตวิทยา

ต่างกันยังไง? จิตแพทย์ vs นักจิตวิทยา


โดย ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor และ Brainspotting Psychotherapy Practitioner



 “ต่างกันยังไง? จิตแพทย์ vs นักจิตวิทยา” / “Psychiatrist vs Psychologist: What’s the Difference?”


ในยุคที่ผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพจิตมากขึ้น คำถามหนึ่งที่หลายคนมักสงสัยคือ
“จิตแพทย์กับนักจิตวิทยา ต่างกันอย่างไร?”

หลายคนอาจสับสนระหว่างการทำงานของ จิตแพทย์ และ นักจิตวิทยา ว่ามีหน้าที่ต่างกันอย่างไร ในความเป็นจริงแล้ว ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองสาขานี้ต่างมีบทบาทสำคัญในการดูแล สุขภาพจิตใจของผู้รับบริการ โดยมักทำงานร่วมกันเพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามีสมดุลทางอารมณ์และจิตใจที่แข็งแรงอีกครั้ง

ทั้งสองอาชีพต่างทำงานเกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตเหมือนกัน แต่มีบทบาท หน้าที่ และวิธีการช่วยเหลือที่แตกต่างกัน


จิตแพทย์ (Psychiatrist) คือใคร

จิตแพทย์เป็น แพทย์เฉพาะทางด้านจิตเวช ซึ่งเรียนจบแพทย์ทั่วไป (แพทยศาสตรบัณฑิต) แล้วต่อยอดเฉพาะทางด้านจิตเวชอีก 3-4 ปี
หน้าที่ของจิตแพทย์คือ วินิจฉัยและรักษาโรคทางจิตเวช

จุดเหมือนของจิตแพทย์และนักจิตวิทยา

ทั้งสองวิชาชีพต้องมีความรู้เกี่ยวกับ ระบบการทำงานของสมองและจิตใจ อย่างลึกซึ้ง 

จิตแพทย์ จะเน้นศึกษาเรื่องการทำงานของสมองที่ตอบสนองต่อยา เพื่อรักษาความผิดปกติทางเคมีในสมอง

นักจิตวิทยา จะเน้นการทำจิตบำบัด (Psychotherapy) โดยปรับความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม เพื่อฟื้นฟูสมดุลของระบบประสาทอย่างเป็นธรรมชาติ

เมื่อสมองหรืออารมณ์ของบุคคลถูกรบกวนจากความเครียด สภาพแวดล้อม หรือประสบการณ์ทางลบ การพบผู้เชี่ยวชาญจะช่วย ปรับสมดุลทางความคิด และสร้าง เครื่องมือรับมือกับปัญหาในชีวิต เพื่อให้กลับมามีความสุขได้อีกครั้ง

 


บทบาทของจิตแพทย์ (Psychiatrist)

  • จิตแพทย์เป็น แพทย์เฉพาะทางด้านจิตเวช เรียนจบแพทย์ทั่วไปและต่อยอดเฉพาะทางอีก 3-4 ปี
  • เน้นการรักษาโดยใช้ ยา เพื่อปรับสมดุลเคมีในสมอง เช่น ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า วิตกกังวล หรือไบโพลาร์
  • จิตแพทย์สามารถ: วินิจฉัยโรคทางจิตเวช สั่งยา ปรับยา หรือลดยาตามอาการ ให้คำปรึกษาหรือจิตบำบัดเบื้องต้นในบางกรณี
  • โดยทั่วไป จิตแพทย์จะเน้นการรักษาทางชีวภาพ (Biological Treatment) เป็นหลัก เพราะต้องดูแลผู้ป่วยจำนวนมากในระบบสาธารณสุข


บทบาทของนักจิตวิทยา (Psychologist)

  • นักจิตวิทยาเชี่ยวชาญด้าน การให้คำปรึกษาและการทำจิตบำบัด
  • ไม่ใช่แพทย์ แต่ใช้เทคนิคการฟื้นฟูด้านจิตใจและพฤติกรรม เช่น EMDR, CBT, หรือ Brainspotting
  • นักจิตวิทยาจะช่วยผู้รับบริการในเรื่อง: ความเครียด ความวิตกกังวล ภาวะหมดไฟ (Burnout) ปัญหาความสัมพันธ์ ครอบครัว หรือชีวิตคู่บาดแผลทางใจ (Trauma) และการสูญเสีย การพัฒนาตนเองและความตระหนักรู้จากภายใน
นอกจากนี้ นักจิตวิทยาคลินิก ยังสามารถทำการทดสอบและประเมินด้านจิตใจด้วยเครื่องมือมาตรฐาน เพื่อช่วยวางแผนการบำบัดที่แม่นยำและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล รวมทั้งอาจมีการประเมินอาการต่างๆก่อนทำการบำบัด เช่น

  • โรคซึมเศร้า (Depression)
  • โรควิตกกังวล (Anxiety Disorder)
  • โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder)
  • โรคจิตเภท (Schizophrenia)


และหากเป็นผู้ที่ทำ “จิตบำบัด” จะต้องได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทางเพิ่มเติม เช่น EMDR, CBT, Brainspotting เป็นต้น

นักจิตวิทยาจะเน้น การทำจิตบำบัด (Psychotherapy) และ การประเมินทางจิตวิทยา (Psychological Assessment)
เพื่อช่วยให้ผู้รับการปรึกษาเข้าใจตนเองมากขึ้น
รวมถึงแก้ไขปัญหาความเครียด ความสัมพันธ์ ความสูญเสีย หรือบาดแผลทางใจ (Trauma)



จิตแพทย์ vs นักจิตวิทยา: ใครเหมาะกับคุณ?

  • หากมีอาการรุนแรง เช่น คิดทำร้ายตัวเอง นอนไม่หลับ มีอาการหลอน  ควรเริ่มจาก “จิตแพทย์”
  • หากต้องการพูดคุย สำรวจอารมณ์ หรือฟื้นฟูใจจากความเครียด เหนื่อย เบื่อ ชีวิตไม่สมดุล อยากเข้าใจตัวเอง หรืออยากจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น → สามารถเริ่มที่ “นักจิตวิทยา”

ทั้งสองทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี จิตแพทย์ดูแลด้านยา ส่วนจิตวิทยาช่วยดูแลด้านอารมณ์และการปรับตัว

 

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. ไปหานักจิตวิทยาต้องมีอาการป่วยไหม?

ไม่จำเป็นเสมอไป นักจิตวิทยาช่วยได้ทั้งคนที่มีปัญหาทางอารมณ์ ความสัมพันธ์ หรืออยากพัฒนาตนเอง


2. ควรไปหานักจิตวิทยาในกรณีใด
  • รู้สึกเศร้า หมดแรง หรือไม่มีแรงจูงใจทำสิ่งที่เคยชอบ
  • มีความวิตกกังวลมากเกินไป นอนไม่หลับ หรือคิดมากจนชีวิตประจำวันถูกรบกวน
  • มีบาดแผลทางใจจากอดีต เช่น การสูญเสีย การถูกทำร้าย หรือเหตุการณ์กระทบกระเทือนใจ (Trauma)
  • มีปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง หรือความขัดแย้งในชีวิตคู่
  • เครียดจากงาน ชีวิต หรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น ย้ายงาน หย่าร้าง สูญเสียคนรัก
  • อยากเข้าใจตัวเองมากขึ้น



3. การปรึกษานักจิตวิทยาใช้เวลานานไหม?
โดยทั่วไป 45–60 นาทีต่อครั้ง และอาจต้องต่อเนื่องหลายครั้งขึ้นอยู่กับเป้าหมายการบำบัด

4. ต้องมีอาการรุนแรงแค่ไหนถึงจะไปหานักจิตวิทยาได้?

ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงขั้น “ป่วย” ครับ หากรู้สึกไม่สบายใจ เครียด วิตกกังวล หรือมีปัญหาความสัมพันธ์ ก็สามารถมาพูดคุยเพื่อปรึกษาได้

5. ต่างจากการคุยกับเพื่อนยังไง?

นักจิตวิทยาผ่านการฝึกฝนและมีเทคนิคเฉพาะทางในการช่วยให้คุณเข้าใจปัญหาที่แท้จริงและหาทางออกได้อย่างยั่งยืน

6. ต้องเจอกี่ครั้งถึงจะดีขึ้น?

ขึ้นอยู่กับปัญหาและความพร้อมของผู้รับการบำบัด โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงหลัง 3–6 ครั้ง


7. ถ้าไม่แน่ใจควรเริ่มจากไหน?

สามารถเริ่มจาก “การประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้น” กับนักจิตวิทยา เพื่อดูแนวทางที่เหมาะสมก่อน



Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้