บาดแผลทางใจที่ไม่รักษาให้หาย (Untreated Traumatic Wounds): เราสามารถอยู่กับมันได้ไหม?

43 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บาดแผลทางใจที่ไม่รักษาให้หาย (Untreated Traumatic Wounds): เราสามารถอยู่กับมันได้ไหม?

บาดแผลทางใจที่ไม่รักษาให้หาย (Untreated Traumatic Wounds): เราสามารถอยู่กับมันได้ไหม?

 

 

โดย ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor & Brainspotting Practitioner

 

 

ทำไมเราจึงไม่ควรปล่อย “บาดแผลทางใจ” ไว้โดยไม่รักษา
บาดแผลทางใจ (Trauma) เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในชีวิตของคนเรา ไม่ว่าจะเกิดจากความสูญเสีย ความรุนแรง ความสัมพันธ์ หรือประสบการณ์ในวัยเด็ก หากไม่ได้รับการเยียวยาอย่างเหมาะสม บาดแผลทางใจเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจในระยะยาวอย่างคาดไม่ถึง

แม้บางคนอาจคิดว่าตนเองสามารถอยู่กับปมบาดแผลทางใจได้ แต่ในความเป็นจริง “บาดแผลที่ไม่รักษา” มักกลายเป็นรากของปัญหาทางอารมณ์ ความสัมพันธ์ และความเจ็บป่วยทางกายที่ยืดเยื้อโดยไม่รู้ตัว

 

ผลกระทบของบาดแผลทางใจที่ไม่ได้รับการเยียวยา

1. ภูมิต้านทานทางร่างกายลดลง
ความเครียดสะสมจากบาดแผลทางใจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ มีอาการปวดเมื่อย บวม หรือเจ็บป่วยง่าย

2. ความสมดุลทางอารมณ์เสียหาย
ผู้ที่มี Trauma ที่ไม่ได้รับการบำบัดอาจประสบภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือ PTSD ซึ่งส่งผลต่อการนอนหลับ การทำงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

3. ความเสี่ยงเรื้อรังในอนาคต
บาดแผลทางใจที่ไม่รักษาอาจส่งผลให้บุคลิกภาพเปลี่ยนไป มีแนวโน้มคิดลบ ไม่มั่นใจในตนเอง หรือมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์เมื่อเผชิญสถานการณ์กดดัน

 

 

การรักษาและเยียวยาบาดแผลทางใจทำได้อย่างไร?

การบำบัดโดยนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญช่วยให้บาดแผลทางใจค่อยๆ ฟื้นฟูได้อย่างปลอดภัยและเป็นระบบ ด้วยเทคนิคทางจิตบำบัดที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เช่น

  • EMDR Therapy (Eye Movement Desensitization and Reprocessing)
    ช่วยให้สมองประมวลผลเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างเป็นธรรมชาติและลดอาการกระตุ้นซ้ำ
  • Brainspotting Therapy
    เทคนิคที่เข้าถึงจุดเก็บข้อมูลทางอารมณ์ในสมองเพื่อลดผลกระทบจาก Trauma
  • CBT (Cognitive Behavioral Therapy) และ Satir Therapy
    เน้นปรับโครงสร้างความคิดและพฤติกรรมเพื่อสร้างความมั่นคงทางอารมณ์

ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการเยียวยาบาดแผลทางใจ?
ระยะเวลาในการฟื้นฟูขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของบาดแผลและความพร้อมของแต่ละบุคคล บางคนอาจใช้เวลาไม่กี่เดือน บางคนอาจใช้เวลาหลายปี แต่สิ่งสำคัญคือ “ความต่อเนื่อง” และ “ความตั้งใจ” ที่จะรักษาตัวเอง
เมื่อใจเริ่มได้รับการเยียวยา เราจะรู้สึกได้ถึงสัญญาณที่ดีขึ้น เช่น

  • จัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น
  • กล้าเผชิญหน้ากับอดีต
  • นอนหลับดีขึ้น ไม่เจ็บปวดเรื้อรัง
  • มองอนาคตด้วยความหวัง

 

เมื่อใดควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ?
หากคุณพบอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษานักจิตวิทยาโดยเร็ว:

  • มีความเศร้า วิตกกังวล หรือหมดหวังต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์
  • นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร เครียดจัด
  • มีปัญหาด้านความสัมพันธ์หรือผลกระทบต่อการทำงาน
  • เริ่มใช้สารเสพติดหรือพฤติกรรมเสี่ยงเพื่อหนีความรู้สึก

อย่าปล่อยให้บาดแผลทางใจกลายเป็นเงาที่ตามหลอกหลอน เพราะการบำบัดที่ถูกวิธีสามารถช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลอีกครั้ง

 

วิธีฟื้นฟูตัวเองระหว่างกระบวนการบำบัด

  • ดูแลสุขภาพกายและใจ ด้วยการออกกำลังกาย นอนหลับให้พอ และกินอาหารที่ดี
  • ฝึกสติ (Mindfulness) เพื่ออยู่กับปัจจุบันและไม่จมกับอดีต
  • ใช้เทคนิค Grounding เพื่อช่วยรับมือกับอารมณ์รุนแรงและ Flashback
  • พัฒนาทักษะ Resilience เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้แข็งแรง
  • ให้เวลาตัวเอง และเฉลิมฉลองทุกความก้าวหน้า แม้จะเล็กน้อย

การรักษาบาดแผลทางใจคือการกลับมารักตัวเองอีกครั้ง
บาดแผลทางใจไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ “สัญญาณของความเป็นมนุษย์”
การกล้าเผชิญหน้าและขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญคือจุดเริ่มต้นของการเยียวยา

ในยุคปัจจุบัน การบำบัดจิตใจด้วยเทคนิคใหม่ เช่น EMDR และ Brainspotting
สามารถช่วยให้ผู้คนฟื้นตัวได้เร็วและยั่งยืนกว่าเดิม

อย่าปล่อยให้บาดแผลในอดีตมาควบคุมปัจจุบัน
เพราะคุณสมควรที่จะมีชีวิตที่สงบ ปลอดภัย และมีความสุขอีกครั้ง 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้