23 จำนวนผู้เข้าชม |
EMDR และ Brainspotting:
2 สุดยอดจิตบำบัด ทางเลือกใหม่ในการรักษาโรค 'กล้ามเนื้อบิดเกร็ง' (Focal Dystonia)
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner
ทำความรู้จัก Focal Dystonia: โรคที่มากกว่าอาการกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
โรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง หรือ Focal Dystonia คือภาวะความผิดปกติของระบบประสาทที่ส่งผลให้เกิดการหดเกร็งและบิดตัวของกล้ามเนื้อในบริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกายโดยไม่สามารถควบคุมได้ มักพบได้บ่อยในกลุ่มอาชีพที่ต้องใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กซ้ำ ๆ เช่น นักดนตรี และนักกีฬา แม้ว่าสาเหตุที่แท้จริงยังไม่ชัดเจน แต่การวิจัยชี้ให้เห็นว่าปัจจัยด้านความเครียด ความวิตกกังวล และความทรงจำทางอารมณ์ที่เจ็บปวด มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นอาการ
ข่าวดีคือ ปัจจุบันมีแนวทางการรักษาทางจิตบำบัดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยลดอาการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ จิตบำบัดแบบ EMDR และ จิตบำบัดแบบ Brainspotting
EMDR Therapy: กุญแจคลายความเครียดสะสม ต้นตออาการบิดเกร็ง
จิตบำบัดแบบ EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) เป็นวิธีการรักษาที่เน้นการประมวลผลความทรงจำที่กระทบกระเทือนจิตใจ ซึ่งมักเป็นต้นเหตุของความเครียดเรื้อรังที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทและทำให้กล้ามเนื้อเกิดภาวะบิดเกร็ง
EMDR ช่วยให้สมองได้ "ประมวลผล" ความทรงจำที่ค้างคาและเป็นภาระ เมื่อความตึงเครียดทางอารมณ์ลดลง ภาวะตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่สัมพันธ์กับความเครียดเหล่านั้นก็จะผ่อนคลายลงตามไปด้วย งานวิจัยชี้ว่า การบำบัดด้วย EMDR สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นสำหรับผู้ที่มีอาการ Focal Dystonia ดังนี้:
4 ประโยชน์หลักของ EMDR ต่อผู้ป่วย Focal Dystonia
EMDR สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้ป่วยได้ปลดปล่อยและระบายความรู้สึกหงุดหงิดหรือความเครียดที่สะสม ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อบิดเกร็ง
2. เรียนรู้ทักษะการจัดการกับความเครียด:
ผู้เชี่ยวชาญจะถ่ายทอดเทคนิคการรับมือกับความเครียด วิตกกังวล และอาการแพนิค เพื่อให้ผู้เข้ารับบำบัดสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
3. พัฒนาทักษะด้านการแก้ไขปัญหา:
เทคนิคใน EMDR therapy ช่วยให้ผู้ป่วยเกิดการเรียนรู้และมีความพร้อมทางจิตใจที่จะรับมือกับความเครียดและปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ยกระดับคุณภาพชีวิตให้มีความสุขขึ้น:
EMDR เป็นเทคนิคที่จัดการกับอารมณ์ที่แปรปรวนและภาวะด้านสุขภาพจิตที่ไม่มั่นคง ซึ่งเป็นสาเหตุทางอ้อมของอาการไม่พึงประสงค์อย่างกล้ามเนื้อบิดเกร็ง (Focal Dystonia) ทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้น
Brainspotting Therapy: นวัตกรรมจิตบำบัดเพื่อสร้าง 'เส้นทางประสาท' ใหม่
นอกเหนือจาก EMDR แล้ว จิตบำบัด Brainspotting ยังเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเทคนิควิธีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาอาการทางจิตเวช รวมถึงภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งด้วย
Brainspotting ทำงานโดยการค้นหาจุดมอง (Brainspot) ที่สัมพันธ์กับความตึงเครียดทางอารมณ์ในสมอง เมื่อผู้บำบัดทำงานกับจุดนี้ จะช่วยกระตุ้นให้สมองเกิดการประมวลผลและปลดปล่อยความตึงเครียดที่ฝังลึกจากปมบาดแผลทางใจ (Trauma) ออกมาได้
Brainspotting ช่วยลดภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง (Focal Dystonia) ได้ด้วยกลไกดังนี้:
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน EMDR และ Brainspotting เพื่อจัดการ Focal Dystonia
หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังเผชิญกับโรค กล้ามเนื้อบิดเกร็ง (Focal Dystonia) การทำความเข้าใจว่าความเครียดและบาดแผลทางใจมีผลต่ออาการอย่างไรเป็นก้าวสำคัญ การรักษาด้วย จิตบำบัดแบบ EMDR และ Brainspotting โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ถือเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงในการฟื้นฟูระบบประสาทและกล้ามเนื้อให้กลับมาทำงานได้อย่างผ่อนคลายและควบคุมได้อีกครั้ง
สรุปกลไกสำคัญของ EMDR และ Brainspotting ในการช่วยรักษาอาการ กล้ามเนื้อบิดเกร็งเฉพาะจุด (Focal Dystonia) ซึ่งเป็นความผิดปกติของการเคลื่อนไหวที่มักเกี่ยวข้องกับความเครียดและบาดแผลทางอารมณ์ที่ "ฝังแน่น" ในระบบประสาท
1. กลไกหลักของการรักษา Focal Dystonia ด้วยจิตบำบัด
กล้ามเนื้อบิดเกร็งเฉพาะจุดมักไม่ได้เป็นเพียงปัญหาทางกลไกของกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่หลายกรณีเกิดจาก ความผิดปกติของวงจรประสาท ในสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว (Basal Ganglia) ซึ่งถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่องจาก ความเครียดสะสม, ความวิตกกังวล, หรือบาดแผลทางอารมณ์ (Trauma)
EMDR และ Brainspotting จัดเป็น Somatic Therapy (การบำบัดที่เน้นร่างกาย) ที่ทำงานแบบ "ล่างขึ้นบน" (Bottom-Up Processing) หมายถึง:
ไม่ได้เน้นการคิดวิเคราะห์ (Top-Down): ไม่ได้พยายาม "สั่ง" ให้กล้ามเนื้อคลายตัวด้วยความคิด แต่เน้นการปรับระบบประสาท (Bottom-Up): เข้าไปจัดการกับต้นตอของความตึงเครียดที่ถูกเก็บไว้ใน ระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System) และ สมองส่วนลึก (Limbic System) เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายและวงจรประสาทกลับมาทำงานอย่างสมดุล
2. วิธีที่ EMDR ช่วยรักษา Focal Dystonia
EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) ใช้เทคนิค การกระตุ้นประสาทสัมผัสแบบสลับซีก (Bilateral Stimulation) (เช่น การกลอกตาไปมา การฟังเสียงสลับข้าง หรือการเคาะ) เพื่อช่วยให้สมองประมวลผลความทรงจำที่เจ็บปวดหรือเหตุการณ์ตึงเครียดที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
เป้าหมาย: ประมวลผล "ความทรงจำที่ติดค้าง" ซึ่งเชื่อมโยงกับความวิตกกังวลและความตึงเครียดของร่างกาย
กลไกเฉพาะ: การกระตุ้นแบบสลับซีกช่วยให้ซีกสมองทั้งสองข้างทำงานร่วมกันเพื่อ ลดความรุนแรงของอารมณ์ ที่แนบมากับความทรงจำนั้น เมื่อความตึงเครียดทางจิตใจลดลง ภาวะตื่นตัวสูง (Hyper-arousal) ของระบบประสาทที่ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกร็งก็จะลดลงตามไปด้วย
ผลลัพธ์: ทำให้ ความวิตกกังวล ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเกร็งตัว (Trigger) ลดลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีโอกาสคลายตัวและควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
3. วิธีที่ Brainspotting ช่วยรักษา Focal Dystonia
Brainspotting (BSP) อาศัยหลักการที่ว่า "ตำแหน่งที่เรามองมีผลต่อความรู้สึก" โดยนักบำบัดจะช่วยค้นหา "จุดสมอง (Brainspot)" ซึ่งเป็นตำแหน่งการมองที่สัมพันธ์กับการจัดเก็บของบาดแผลทางอารมณ์หรือความรู้สึกทางร่างกายที่รบกวนการเคลื่อนไหว
เป้าหมาย: เข้าถึงและปล่อย "ปมบาดแผล" และ "ความตึงเครียดทางร่างกาย" ที่ซ่อนอยู่ในสมองส่วนลึก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการ Focal Dystonia
กลไกเฉพาะ: เมื่อผู้รับบำบัดจ้องที่จุดสมองนั้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่รับรู้ความรู้สึกในร่างกาย จะเป็นการเปิดช่องทางเข้าถึง สมองส่วนลึก (Subcortical Brain) โดยตรง กระบวนการนี้จะ กระตุ้นการเยียวยาตนเองตามธรรมชาติ ของสมอง (Self-Scanning, Self-Healing)
เป็นการ "คลายปม" ความตึงเครียดที่ถูก "ฝัง" ไว้ในระบบประสาท ซึ่งมักแสดงออกเป็นอาการเกร็งหรือบิดผิดรูป
ผลลัพธ์เฉพาะสำหรับ Dystonia: Brainspotting มีวิธีการเฉพาะที่พัฒนาขึ้นเพื่อการรักษา Focal Dystonia โดยตรง (เช่น วิธีของ Ruth Chiles) ที่ช่วยให้นักดนตรี นักกีฬา และผู้มีปัญหาสามารถ ฟื้นฟูความลื่นไหล และการควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็กได้อย่างแม่นยำ
กล่าวโดยสรุป ทั้งสองวิธีมุ่งเน้นที่การ "ปรับวงจรประสาท" เพื่อให้ระบบประสาทสงบลงและไม่ส่งสัญญาณผิดพลาดไปยังกล้ามเนื้ออีกต่อไป ซึ่งช่วยให้เกิดการฟื้นฟูการทำงานของร่างกายจากภายในสู่ภายนอก
FAQ คำถามท้ายบทความ
Q1: EMDR ช่วยรักษา Focal Dystonia ได้อย่างไร?
A: EMDR มุ่งเน้นไปที่การประมวลผลความทรงจำที่เจ็บปวด ความเครียดเรื้อรัง หรือประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ ซึ่งอาจไปรบกวนระบบประสาทและการทำงานของสมอง เมื่อความเครียดและอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ได้รับการคลี่คลายผ่านกระบวนการ EMDR จะช่วยให้:
การรักษา โรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง (Focal Dystonia) ด้วย จิตบำบัดแบบ EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) เป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการจัดการกับความเครียดสะสมและปมบาดแผลทางใจที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการกระตุ้นอาการเกร็ง
Q2: Focal Dystonia เกี่ยวข้องกับความเครียดและอารมณ์อย่างไร?
A: ถึงแม้ Focal Dystonia จะเป็นความผิดปกติของการเคลื่อนไหว แต่ผลการศึกษาพบว่าความเครียด ความวิตกกังวล และบาดแผลทางใจ (Trauma) มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นและทำให้อาการแย่ลง ความทรงจำที่ยังไม่ได้รับการประมวลผลอย่างสมบูรณ์อาจถูกเก็บไว้ในลักษณะที่ทำงานผิดปกติในสมอง ซึ่งส่งผลต่อการตอบสนองของระบบประสาทและกล้ามเนื้อในปัจจุบัน
Q3: Brainspotting คืออะไร และเกี่ยวข้องกับ Focal Dystonia อย่างไร?
A: Brainspotting (BSP) คือเทคนิคจิตบำบัดขั้นสูงที่พัฒนาต่อยอดมาจาก EMDR โดยเน้นการค้นหา "จุดมอง" (Brainspot) ในลานสายตาของผู้รับบำบัด ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมโยงและกักเก็บประสบการณ์ทางอารมณ์หรือบาดแผลทางใจไว้ในระบบสมองส่วนลึก
BSP ช่วยให้ โรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง (Focal Dystonia) ดีขึ้นได้ เนื่องจากเชื่อว่าความตึงเครียดของกล้ามเนื้อมีสาเหตุมาจากความตึงเครียดทางอารมณ์และสมองที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย
Q4: Brainspotting ช่วยสร้าง "เส้นทางระบบประสาทใหม่" ได้อย่างไร?
A: Brainspotting อาศัยหลักการทำงานที่เชื่อมโยงกับระบบสมองส่วนกลาง (Mid-brain) ซึ่งควบคุมการทำงานของอารมณ์และกลไกการอยู่รอด เมื่อผู้บำบัดตรึงจุดมองที่เหมาะสม มันจะกระตุ้นให้สมองเกิดการปลดปล่อยข้อมูลที่ถูก "แช่แข็ง" ไว้จากบาดแผลทางใจ เมื่อความตึงเครียดเหล่านี้ถูกปลดปล่อยออกไป สมองก็จะสามารถปรับตัวและสร้างการตอบสนองต่อกล้ามเนื้อในรูปแบบที่แตกต่างและผ่อนคลายกว่าเดิมได้