22 จำนวนผู้เข้าชม |

Trauma คืออะไร?
Trauma (ทรอม่า) คือ ผลกระทบทางอารมณ์ที่คงอยู่ยาวนาน จากเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ไม่ใช่แค่ตัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การปล่อย บาดแผลทางใจ ทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตและกายเรื้อรัง รวมถึงภาวะ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder)
วิธีการรักษาที่มีประสิทธิผลสูง ได้แก่ การทำ จิตบำบัดเฉพาะทาง เช่น EMDR Therapy และ Brainspotting, ควบคู่ไปกับ CBT
1. Trauma คืออะไร? (นิยามของบาดแผลทางใจ)
Trauma หมายถึง "บาดแผลทางใจ" หรือ "ปมบาดแผลทางใจ" ซึ่งเป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์และจิตใจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังจากที่บุคคลได้เผชิญกับเหตุการณ์ที่รุนแรง น่ากลัว หรือคุกคามชีวิตและร่างกาย (หรือที่เรียกว่า Traumatic Event)
Trauma ไม่ได้หมายถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง ผลสะท้อนในจิตใจ (ผลกระทบทางจิตใจ) เช่น ความรู้สึกหวาดกลัว วิตกกังวล และความไม่ปลอดภัยที่ยังคงอยู่ แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม

2. สาเหตุและประเภทของ Trauma (ปัจจัยที่ก่อให้เกิดบาดแผลทางใจ)
Traumatic Event หรือ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ มักเป็นสาเหตุหลักของการเกิด Trauma ซึ่งได้แก่ เหตุการณ์ที่สร้างความรู้สึกไร้การควบคุมและเจ็บปวดอย่างรุนแรง เช่น:
การประสบ อุบัติเหตุร้ายแรง หรือ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่ไม่ทันตั้งตัว
การถูก ทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ, การล่วงละเมิดทางเพศ หรือ การข่มขืน
การถูก ทอดทิ้ง หรือ ละเลย ในวัยเด็ก (Childhood Trauma)
การเผชิญกับ ความรุนแรงในครอบครัว หรือ การถูกกลั่นแกล้ง ซ้ำๆ
การ สูญเสีย บุคคลอันเป็นที่รักอย่างกะทันหัน
ประเภทของ Trauma
นักจิตวิทยาแบ่ง Trauma ออกเป็น 3 ลักษณะหลัก ตามความถี่และความซับซ้อนของการเกิดเหตุการณ์:
เกิดจากเหตุการณ์รุนแรงครั้งเดียว (เช่น อุบัติเหตุเกือบเสียชีวิต, การหนีตาย)
เกิดจากการถูกกระทำซ้ำๆ เป็นระยะเวลานาน (เช่น การถูกทารุณกรรมเรื้อรังในวัยเด็ก)
เป็นผลจากหลายเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในหลายช่วงวัย ทำให้การเยียวยาด้วยตนเองเป็นไปได้ยาก

3. อาการของ Trauma และ PTSD (สัญญาณเตือนที่ควรสังเกต)
เมื่อเผชิญกับ Trauma ร่างกายและจิตใจจะแสดงอาการตอบสนองเพื่อรับมือกับความตึงเครียด อาการที่พบบ่อย ได้แก่:

ภาวะ PTSD คืออะไร? (Post-Traumatic Stress Disorder)
หากอาการเหล่านี้ยังคงอยู่เป็นเวลานาน (เกิน 1 เดือน) และรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง อาการเหล่านี้อาจพัฒนาเป็น PTSD ซึ่งเป็นภาวะสุขภาพจิตที่ต้องได้รับการบำบัดเฉพาะทาง
4. ผลกระทบของการปล่อย Trauma ทิ้งไว้ (อันตรายที่ไม่ควรละเลย)
การไม่ได้รับการเยียวยา ปมบาดแผลทางใจ ที่เหมาะสมและทันท่วงที จะส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตในระยะยาว ดังนี้:

คำถามท้ายบท (Frequently Asked Question)
Q1: Trauma ต่างจาก PTSD อย่างไร?
Trauma (บาดแผลทางใจ) คือประสบการณ์ความเจ็บปวดที่ส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจ ส่วน PTSD คือภาวะสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นเมื่ออาการของ Trauma คงอยู่ยาวนานและรุนแรงจนรบกวนชีวิตประจำวัน
Q2: Trauma หายได้ไหม?
อาการของ Trauma สามารถบรรเทาและ เยียวยาได้ ด้วยการบำบัดที่เหมาะสม เช่น การทำจิตบำบัดเฉพาะทางอย่าง EMDR, Brainspotting หรือ CBT
Q3: การรักษา Trauma ต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
ระยะเวลาในการรักษาแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของ Trauma และการตอบสนองต่อการบำบัด บางรายเห็นผลในไม่กี่เดือน ขณะที่บางรายอาจต้องการเวลานานขึ้น
Q4: Brainspotting และ EMDR ต่างกันอย่างไร?
ทั้งสองเป็นการบำบัดที่เน้นการประมวลผลความทรงจำบาดแผล แต่ EMDR ใช้การเคลื่อนไหวดวงตาซ้ำ ๆ ส่วน Brainspotting ใช้ตำแหน่งการมองที่เฉพาะเจาะจงเพื่อเข้าถึงส่วนที่เก็บ Trauma ในสมอง