46 จำนวนผู้เข้าชม |
จิตบำบัดอีเอ็มดีอาร์ (EMDR Psychotherapy) กับการรักษาโรค Dissociative Disorder: ทางเลือกใหม่เพื่อเยียวยาบาดแผลทางใจ
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner
ทำความรู้จัก “โรค Dissociative Disorder” ความผิดปกติทางจิตที่มากกว่าความเครียด
Dissociative Disorder หรือ โรคแยกตัวทางจิตใจ เป็นความผิดปกติทางสุขภาพจิตที่ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถเชื่อมโยง “ตัวตน ความคิด และความทรงจำ” ได้อย่างปกติ ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนอื่น หรือขาดการเชื่อมโยงกับความเป็นจริงรอบตัว
โรคนี้มักเกิดจาก ประสบการณ์เลวร้ายหรือบาดแผลทางใจ (Trauma) ในอดีต เช่น การถูกทำร้าย ล่วงละเมิด หรือการสูญเสียอย่างรุนแรง หากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการรักษา อาการจะยิ่งซับซ้อนขึ้นจนกระทบต่อบุคลิกภาพ การใช้ชีวิต และความสัมพันธ์กับผู้อื่น
EMDR Psychotherapy คืออะไร?
จิตบำบัดอีเอ็มดีอาร์ (Eye Movement Desensitization and Reprocessing: EMDR)
เป็นเทคนิคด้านจิตบำบัดแบบ integrative psychotherapy approach ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยอาศัย การเคลื่อนไหวของดวงตา (Eye Movement) เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองทั้งสองซีก ทำให้สมองสามารถ “ประมวลและปลดล็อก” ความทรงจำที่เคยสร้างบาดแผลทางใจได้
งานวิจัยระดับนานาชาติยืนยันว่า EMDR Therapy มีประสิทธิภาพสูงในการรักษา
EMDR Psychotherapy ช่วยรักษา Dissociative Disorder ได้อย่างไร?
ผู้ที่มี Dissociative Disorder มักแยกตัวจากอารมณ์และความทรงจำของตนเอง การทำจิตบำบัดด้วย EMDR จะช่วยให้สมองสามารถ “เข้าถึง” ความทรงจำที่เคยถูกเก็บกดไว้ได้อย่างปลอดภัย โดยใช้การกระตุ้นสมองผ่านการเคลื่อนไหวของดวงตา เพื่อฟื้นฟูสมดุลการทำงานของระบบประสาท
ผลการวิจัยพบว่า
สำหรับผู้ที่มีอาการ Dissociative Disorder ระดับไม่รุนแรง ผลการบำบัดด้วย EMDR มักเห็นผลในระยะเวลาอันสั้น แต่หากเป็นกรณีที่ซับซ้อน อาจต้องใช้แผนการบำบัดแบบบูรณาการร่วมกับเทคนิคอื่นภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ
เหตุการณ์ใดบ้างที่ทำให้เกิด “บาดแผลทางใจ” (Trauma)
บาดแผลทางใจอาจเกิดได้จากเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
ประสบการณ์เหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิด PTSD หรือ Dissociative Disorder ได้ โดยเฉพาะเมื่อสมองพยายาม “ตัดขาด” จากเหตุการณ์ที่ทำให้เจ็บปวด
ภาพสมองก่อนและหลังการทำ EMDR: หลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์
จากการศึกษาของ Pagani et al. (2012) พบว่า ภาพสแกนสมองของผู้ป่วย ก่อนการทำ EMDR จะมีจุดสีแดงแสดงถึงพื้นที่ที่ยังคงตอบสนองต่อความทรงจำเลวร้าย
แต่หลังจากผ่านการบำบัด EMDR สมองบริเวณนั้นกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ระบบความจำและอารมณ์เชื่อมโยงกันได้ดีขึ้น
นั่นแสดงให้เห็นว่า EMDR ไม่เพียงช่วย “เยียวยาความรู้สึก” เท่านั้น แต่ยังส่งผลเชิงโครงสร้างทางสมองจริงๆ
ทำไมจิตบำบัดอีเอ็มดีอาร์จึงได้รับการยอมรับทั่วโลก
ปัจจุบัน EMDR Psychotherapy ได้รับการรับรองจาก
เพราะเป็นเทคนิคที่ช่วย ปลดปล่อยบาดแผลทางใจ ฟื้นฟูการทำงานของสมอง และสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ได้อย่างยั่งยืน
สรุป: EMDR Psychotherapy — ทางเลือกใหม่ในการรักษา Dissociative Disorder จิตบำบัดอีเอ็มดีอาร์ (EMDR Psychotherapy) คือเครื่องมือที่ทรงพลังในการเยียวยาผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์เจ็บปวดทางใจ โดยเฉพาะผู้ที่มี Dissociative Disorder เทคนิคนี้ช่วยให้ผู้เข้ารับการบำบัดเข้าใจตนเองมากขึ้น ปลดปล่อยความทรงจำที่กดทับ และสร้างสมดุลใหม่ให้กับชีวิต
หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังเผชิญกับภาวะทางจิตใจที่เกิดจากบาดแผลในอดีต อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตบำบัด EMDR
แหล่งอ้างอิง
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ EMDR Psychotherapy และการรักษา Dissociative Disorder
1. EMDR Therapy คืออะไร?
EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) คือเทคนิคจิตบำบัดที่ใช้การเคลื่อนไหวของดวงตาเพื่อช่วยให้สมอง “ประมวลและปลดล็อก” ความทรงจำที่เคยสร้างบาดแผลทางใจ วิธีนี้ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ในอดีตได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนเดิม และช่วยฟื้นฟูสมดุลทางอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
2. โรค Dissociative Disorder คืออะไร?
Dissociative Disorder หรือ โรคแยกตัวทางจิตใจ เป็นภาวะที่ผู้ป่วยรู้สึกเหมือนตนเอง “ไม่ใช่ตัวเอง” หรือขาดการเชื่อมโยงกับความเป็นจริงรอบตัว มักเกิดจากประสบการณ์รุนแรงในอดีต เช่น การถูกทำร้าย การสูญเสีย หรือการล่วงละเมิด ซึ่งทำให้สมองแยกตัวออกจากความทรงจำอันเจ็บปวดเพื่อปกป้องตัวเอง
3. EMDR ช่วยรักษา Dissociative Disorder ได้จริงหรือไม่?
มีงานวิจัยทางคลินิกยืนยันว่า EMDR Psychotherapy ช่วยลดอาการของ Dissociative Disorder ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยให้ผู้ป่วยสามารถ “รวมตัวตน” กลับมาได้ดีขึ้น เข้าใจอารมณ์ของตัวเอง และลดความสับสนทางจิตใจลงอย่างเห็นได้ชัด
4. ต้องทำ EMDR กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
จำนวนครั้งขึ้นอยู่กับระดับความซับซ้อนของบาดแผลทางใจ
-ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง: อาจเห็นผลใน 3–6 ครั้ง
-ผู้ที่มีบาดแผลลึกหรือมีอาการ Dissociative หลายชั้น: อาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น โดยนักบำบัดจะออกแบบแผนเฉพาะบุคคลให้เหมาะกับแต่ละเคส
5. ระหว่างทำ EMDR จะรู้สึกอย่างไร?
ระหว่างการบำบัด ผู้เข้ารับการรักษาอาจรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่างที่กลับมา เช่น ความเศร้า กลัว หรือสับสน แต่ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญอย่างปลอดภัย หลังจบเซสชัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะรู้สึกโล่ง โปร่งเบา และเข้าใจตนเองมากขึ้น
6. EMDR ต่างจากการทำจิตบำบัดทั่วไปอย่างไร?
ต่างตรงที่ EMDR ไม่เน้นการพูดถึงปัญหามากนัก แต่ใช้การเคลื่อนไหวของดวงตาหรือการกระตุ้นสมองแบบสองข้าง (bilateral stimulation) เพื่อให้สมอง “ประมวลผลใหม่” ความทรงจำที่เจ็บปวด ซึ่งช่วยลดอาการได้รวดเร็วและลึกกว่าการบำบัดแบบดั้งเดิมในหลายกรณี
7. EMDR ปลอดภัยหรือไม่?
ปลอดภัยครับ เมื่อทำโดยนักจิตบำบัดหรือผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมด้าน EMDR โดยตรง เทคนิคนี้ได้รับการรับรองจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) และ สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ว่ามีความปลอดภัยและได้ผลจริง
8. ใครเหมาะกับการทำ EMDR?
EMDR เหมาะกับผู้ที่เคยมี บาดแผลทางใจ (Trauma) เช่น
ผู้ที่ผ่านเหตุการณ์รุนแรง เช่น อุบัติเหตุ หรือการถูกทำร้าย
ผู้ที่มีภาวะ PTSD, วิตกกังวล, ซึมเศร้า
และผู้ที่มี Dissociative Disorder ที่ต้องการฟื้นฟูความเชื่อมโยงของตัวตนและอารมณ์
9. ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการบำบัด EMDR?
ควรนอนหลับให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ และเตรียมใจให้พร้อมเปิดรับประสบการณ์ทางอารมณ์ใหม่ๆ ผู้บำบัดจะอธิบายขั้นตอนทั้งหมดล่วงหน้าเพื่อให้คุณรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจตลอดกระบวนการ
10. จะเริ่มต้นทำ EMDR ได้ที่ไหน?
คุณสามารถติดต่อ คลินิกสุขภาพจิต หรือ ศูนย์จิตบำบัดที่มีผู้เชี่ยวชาญด้าน EMDR เช่น Better Mind Thailand เพื่อรับคำปรึกษาเบื้องต้นและประเมินความเหมาะสมก่อนเริ่มบำบัด
สรุป:
จิตบำบัดอีเอ็มดีอาร์ (EMDR Psychotherapy) เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการรักษาโรค Dissociative Disorder โดยช่วยฟื้นฟูสมองและจิตใจอย่างลึกซึ้ง ปลอดภัย และได้รับการยอมรับทั่วโลกจากวงการแพทย์และจิตวิทยา