วิธีจัดการความคิดวิตกกังวล

ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner
การจัดการความวิตกกังวลอย่างได้ผล ไม่ใช่แค่ “ไล่มันออกไป” แต่คือการเรียนรู้วิธี “อยู่กับมัน” อย่างสงบและไม่ให้มันควบคุมชีวิตคุณ ซึ่งวิธีที่ได้ผลจริงมีทั้งทางจิตใจ ร่างกาย และพฤติกรรม รวมกัน ดังนี้:
1. การเปลี่ยนมุมมองความคิด (Cognitive Reframing)ถามตัวเองว่า:
- “สิ่งที่ฉันกังวล มีหลักฐานจริงแค่ไหน?”
- “มันเคยเกิดขึ้นไหม และถ้าเกิด ฉันผ่านมันมาได้อย่างไร?”
- เปลี่ยนความคิด เช่น จาก “ฉันทำไม่ได้แน่” เป็น “ฉันอาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่ฉันพยายามได้”
2. เทคนิคผ่อนคลายร่างกายและประสาท
- หายใจช้าและลึก (4-4-8): หายใจเข้า 4 วินาที กลั้นหายใจ 4 วินาที ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ 8 วินาที
- ทำซ้ำ 3–5 นาที จะช่วยลดการเต้นของหัวใจและคลายความตึงเครียด
- ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน
- เกร็งและคลายกล้ามเนื้อ เช่น มือ แขน หน้าอก ขา แบบสลับกัน
- ช่วยให้ร่างกายสั่งสมองว่า "ฉันปลอดภัย"
3. การขยับร่างกาย- การออกกำลังกาย เช่น เดินเร็ว วิ่ง โยคะ หรือเต้น ช่วยหลั่งสาร เอ็นโดรฟิน และเซโรโทนิน
- เพียง 20–30 นาที จะช่วยลดความวิตกกังวลได้จริง
4. การเขียนความคิดลงในกระดาษเขียนว่า:
- ฉันกังวลเรื่องอะไร?
- สิ่งที่ควบคุมได้ vs. ควบคุมไม่ได้
- จากนั้น “ลงมือทำ” เฉพาะสิ่งที่ควบคุมได้
5. หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้น- ลด/เลี่ยงคาเฟอีน (กาแฟ/ชา/น้ำอัดลม) แอลกอฮอล์
- การนอนดึก
- การเสพข่าว/โซเชียลเกินพอดี
6. ฝึกสติ (Mindfulness)
- ลองทำสมาธิวันละ 5–10 นาที โดยไม่ต้องบังคับจิต
- มี App ดีๆ เช่น Calm, Insight Timer, หรือ Smiling Mind
7. พูดกับคนที่ไว้ใจ- พูดถึงความกังวลกับเพื่อน คนในครอบครัว หรือนักจิตวิทยา
- บางครั้งแค่มีคนรับฟังก็ทำให้ใจเบาลง
8. นอนให้เพียงพอ
- นอนอย่างน้อย 7–8 ชั่วโมง/คืน
- เข้านอน/ตื่นให้ตรงเวลา ช่วยให้ระบบสมองควบคุมอารมณ์ดีขึ้น

อย่างไรก็ตามความวิตกกังวลไม่ใช่ศัตรู แต่คือ “สัญญาณ” บางอย่าง แต่ถ้ามากเกินจนรบกวนชีวิต แนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา และหากเราต้องการแผนส่วนตัว หรืออยากเล่าให้ฟังว่ากังวลเรื่องอะไรอยู่ให้ผู้เชี่ยวชาญเพื่อสามารถช่วยวิเคราะห์และแนะนำวิธีเฉพาะก็สามารถทำได้เช่นกันและเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกวิธี
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับ การเงินและการงานในอนาคต เป็นเรื่องที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะในยุคที่มีความไม่แน่นอนสูง นักจิตวิทยาสามารถช่วยคุณจัดการกับความวิตกนี้ได้ในหลายแง่มุม โดยเน้นที่การปรับความคิด สร้างความมั่นคงทางใจ และพัฒนาทักษะจัดการชีวิตอย่างเป็นระบบ นักจิตวิทยาช่วยเราได้อย่างไรในเรื่องความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเงินและการงานในอนาคต นักจิตวิทยาไม่ได้เปลี่ยนอนาคตให้คุณได้ทันที แต่เขาช่วยให้คุณ “จัดการใจ” เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนอย่างมั่นคง และเป็นระบบ

นักจิตวิทยาช่วยให้เราอย่างไรบ้าง?
1. เข้าใจที่มาของความวิตก
ช่วยคุณแยกแยะว่า ความวิตกเป็นเรื่องที่อยู่ในความควบคุมหรือไม่
สำรวจว่า ความเชื่อหรือความคิดแบบไหน (เช่น "ถ้าฉันไม่มีเงินพอ ฉันก็ล้มเหลว") กำลังขยายความวิตก
ระบุ "ความกลัวหลัก" เช่น กลัวล้มเหลว, กลัวตกงาน, กลัวไม่มีบ้านอยู่ ฯลฯ
2. ใช้เทคนิคทางจิตวิทยาช่วยปรับความคิด เช่น
- Cognitive restructuring
- Cognitive reframing
- CBT (Cognitive Behavioral Therapy)
- หรือเทคนิคอื่นๆเข้าร่วมเช่น EMDR และ Brainspotting ที่จะช่วยให้คุณ:ท้าทายความคิดแบบหายนะ (catastrophic thinking) เช่น "ถ้าฉันตกงาน ฉันคงไม่มีทางกลับมายืนได้อีก"
- ฝึกมองสถานการณ์แบบสมดุล และใช้เหตุผลมากขึ้น เช่น “ตอนนี้ฉันยังมีทักษะ มีเวลา และมีทางเลือกที่ยังพอหาได้”
- เขียนตารางความเสี่ยง: แยกว่า “อะไรคือความเป็นไปได้จริง” กับ “อะไรคือความกลัวที่คิดไปเอง”
3. เสริมความรู้สึกควบคุมและมีทางเลือก
นักจิตวิทยาอาจช่วยคุณ:
- วางแผน จัดการการเงินเบื้องต้น
- ทำ “แผนสำรอง” สำหรับอาชีพ หรือรายได้
- สร้าง "ทางเลือก" ให้เห็นว่าคุณไม่ได้ติดอยู่แค่ทางเดียว
4. ลดความเครียดทางร่างกายจากความวิตกกังวล- สอนเทคนิคการหายใจ, ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ, ฝึกสติ (Mindfulness)
- ฝึกอยู่กับปัจจุบัน ไม่ให้จิตใจวิ่งล่วงหน้าไปยังอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น
5. ให้พื้นที่ปลอดภัยในการระบาย- แค่การได้พูดความกังวลออกมาอย่างเปิดเผยกับคนที่ไม่ตัดสิน ก็ช่วยลดความหนักทางใจได้มาก
- นักจิตวิทยาเป็น “กระจกสะท้อน” ที่ช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองลึกขึ้น โดยไม่วิจารณ์
6. ช่วยวางเป้าหมายชีวิตแบบจับต้องได้จาก "กังวลว่าอนาคตจะไม่มั่นคง" → เป็นแผนการที่แบ่งย่อย เช่น
- เพิ่มรายได้ใน 3 เดือน
- เรียนเสริมทักษะใหม่ใน 6 เดือน
- มีเงินฉุกเฉิน 3 เดือนใน 1 ปี

วิธีการจัดการความวิตกกังวลเรื่องการเงินและ อนาคตในอาชีพการงาน เรื่อง การเงิน และ อนาคตในอาชีพการงาน เป็นหนึ่งในความกังวลที่พบบ่อยและเข้าใจได้มาก — เพราะมันเกี่ยวข้องกับ “ความมั่นคง” และ “คุณค่าในตัวเรา” ซึ่งเป็นพื้นฐานของชีวิตหลายด้าน นักจิตวิทยาสามารถช่วยให้เรามีวิธีรับมือที่ได้ผลทั้งในมุมจิตใจ การวางแผน และการฟื้นความมั่นใจ เช่นช่วยให้เราสามารถ:
1. จัดการ “ความคิดฟุ้งซ่าน”
- ใช้เทคนิค "ความคิดไม่เท่ากับความจริง"
- ตัวอย่าง: “ฉันจะไม่มีทางมีเงินพอ” → ถามตัวเองว่า: นี่คือข้อเท็จจริง หรือความกลัว?
- เคยมีช่วงที่ฉันผ่านพ้นวิกฤตคล้าย ๆ นี้ไหม?
- ฉันมีทางเลือกอะไร แม้เพียงเล็กน้อย ที่ยังไม่ได้ลอง?
- เป้าหมาย: เปลี่ยนความคิดจาก หายนะล่วงหน้า → ความเป็นไปได้จริงที่ควบคุมได้
2. วางแผนการเงินแบบไม่ตึงเครียดเกินไป- วิธีเริ่มต้น: ตรวจดูรายรับ–รายจ่าย อย่างตรงไปตรงมา
- วางแผนแบ่งเงินง่าย ๆ: 50% ความจำเป็น (กินอยู่) 30% ใช้จ่ายทั่วไป 20% ออม/หนี้
- ใช้ App ช่วยจัดการ เช่น Money Lover, YNAB, หรือจดใส่สมุดธรรมดาก็ได้
- ตั้งเป้าเล็กๆ ที่จับต้องได้ เช่น เก็บเงินฉุกเฉินให้ได้ 10,000 บาทภายใน 3 เดือน หรือ หางานเสริมหรือรายได้เสริม 1 อย่างภายในเดือนนี้
3. วางแผนอาชีพแบบเป็นขั้นตอน (แม้ยังไม่ชัด)- เทคนิค “วงกลมอาชีพ”: สิ่งที่ทำได้ (ทักษะ/ประสบการณ์) สิ่งที่ชอบ (งานที่อยากตื่นมาทำ) สิ่งที่ตลาดต้องการ (อาชีพ/อุตสาหกรรมที่กำลังโต)
4. สิ่งที่ให้รายได้ → ตรงกลางของวงกลมเหล่านี้ = ทิศทางที่น่าค้นหา
ถามตัวเอง:
- ฉันเก่งเรื่องอะไรที่คนอื่นอาจจ่ายเงินให้ได้?
- ฉันมีทักษะอะไรที่สามารถพัฒนาเพิ่มได้ใน 3–6 เดือน?
- ฉันสามารถหารายได้เสริมได้ไหม (เช่น ขายของ, รับฟรีแลนซ์, ติว, เขียนบทความ ฯลฯ)
5.. กลับมาที่ “สิ่งที่ควบคุมได้วันนี้”
เมื่อกังวลอนาคต ให้ดึงใจกลับมาที่ “1 ก้าววันนี้ที่เราทำได้” ตัวอย่าง:
- เขียนเรซูเม่ใหม่
- ส่งอีเมลหางานใหม่ 1 ตำแหน่ง
- เรียนออนไลน์วันละ 30 นาที
- โทรหาคนที่ช่วยให้คำแนะนำได้

อย่างไรก็ตามหากยังรู้สึกหนักใจหรือรู้สึกว่ามันมากเกินจะรับมือไม่ควรปล่อยความวิตกกังวลทิ้งไว้โดยไม่จัดการเรามาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทางออกที่ดีกว่า นักจิตวิทยาช่วยเรื่องความเครียด ความรู้สึกไร้คุณค่า ส่วนโค้ชด้านอาชีพช่วยวางแผนเส้นทางอาชีพได้ หรือแค่พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ ก็ช่วยปลดล็อกความคิดได้มาก
สรุป:
- วิธีสู้กับความกังวลเรื่องการเงินและอนาคต
- แยก “ความกลัว” ออกจาก “ความจริง”
- วางแผนเล็ก ๆ แต่สม่ำเสมอ
- พัฒนาอาชีพอย่างมีเป้าหมายในสิ่งที่ควบคุมได้
- ดึงสติเสมอว่า “ฉันไม่ต้องแก้ทุกอย่างวันนี้”
- อย่ากลัวขอความช่วยเหลือ
หากคุณอยากให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในการช่วยพัฒนาสุขภาพจิตให้ดีมีความสุขสามารถต่อสู้กับปัญหาภายนอกได้และมีทักษะการแก้ปัญหาในชีวิตสามารถมาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยให้สามารถได้รับแนวทางและทางออกที่เหมาะกับคุณได้
อ้างอิงhttps://www.mayoclinichealthsystem.org/hometown-health/speaking-of-health/11-tips-for-coping-with-an-anxiety-disorder
https://www.apa.org/topics/anxiety/disorders