11 ข้อดีของการทำบำบัดชีวิตคู่

1816 จำนวนผู้เข้าชม  | 

11 ข้อดีของการทำบำบัดชีวิตคู่

11 ข้อดีของการทำบำบัดชีวิตคู่


ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner

ปัญหาชีวิตคู่เป็นสิ่งที่หลายคู่เผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสื่อสาร ความเข้าใจผิด หรือความขัดแย้งที่สะสม การปล่อยปัญหาไว้โดยไม่แก้ไขอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และสุขภาพจิตของทั้งสองฝ่าย

หนึ่งในวิธีที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นคือ การบำบัดชีวิตคู่ (Couples Therapy) ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเข้าใจ ฟื้นฟูความไว้วางใจ และพัฒนาทักษะการสื่อสารให้คู่รักใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีคุณภาพมากขึ้น

การบำบัดชีวิตคู่ (Couples Therapy) คืออะไร?
Couples Therapy คือรูปแบบการให้คำปรึกษาและจิตบำบัดสำหรับคู่รักหรือคู่สมรส โดยมีนักบำบัดเป็นคนกลางที่ช่วยสะท้อนปัญหา กระตุ้นให้เกิดการสื่อสารที่เปิดเผยและสร้างสรรค์

 

เป้าหมายหลักของการบำบัดชีวิตคู่

  • เข้าใจปัญหาและความรู้สึกของกันและกัน
  • พัฒนาทักษะการสื่อสาร
  • ลดความขัดแย้งและสร้างความใกล้ชิดใหม่
  • ฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน

การทำบำบัดชีวิตคู่ (Couples therapy) นั้นมีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาด้านสัมพันธภาพในการใช้ชีวิตคู่เป็นอย่างมาก 

Couples therapy ช่วยเสริมสร้างการพัฒนาทักษะด้านการใช้ชีวิตคู่ และช่วยให้ทั้งคู่ได้สำรวจที่มาและต้นตอของปัญหาที่นำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างคนทั้งคู่ดังนี้

  • ช่วยเร่งหาวิธีแก้ไขปัญหา
  • ป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่โต
  • ป้องกันปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อลูกๆ และสมาชิกที่อยู่ร่วมกันในครอบครัวได้
  • การทำบำบัดชีวิตคู่ (Couples Therapy) เป็นการบำบัดด้านความสัมพันธ์ของคนสองคน ทำให้คนทั้งคู่ได้เห็นปัญหาที่แท้จริงโดยผ่านการสะท้อนมุมมองของนักจิตวิทยา (คนนอก) ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้อง หรือส่วนได้ส่วนเสียกับทั้งคู่ และไม่มีอคติต่อการร่วมชีวิตของคนทั้งสอง
  • การบำบัดชีวิตคู่ช่วยให้คู่ชีวิตได้ปรับปรุงทักษะด้านการสื่อสาร
  • รับรู้มุมมองและทัศนคติของอีกฝ่ายเพื่อสานสายใยความรักความโรแมนติกให้มีมากยิ่งขึ้น
  • การบำบัดชีวิตคู่ช่วยให้ปัญหาชีวิตคู่ได้รับการเยียวยาฟื้นฟู
  • และสามารถสานสัมพันธ์ของชีวิตคู่ให้เติบโตต่อไปได้



หากคาดหวังถึงความเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงด้านความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ของเราให้ดีขึ้นนั้น คู่รักทั้งคู่ควรต้องมาพบผู้เชี่ยวชาญด้วยกันและมีพันธสัญญาในการลงมือลงแรงเพื่อแก้ไขปรับปรุงสัมพันธภาพหลังเข้าพบผู้เชี่ยวชาญ นำคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญไปลงมือปฎิบัติจนเกิดผลและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นกับชีวิตคู่โดยไม่ย่อท้อง่ายๆ

การสร้างสัมพันธภาพให้แน่นแฟ้นนั้นควรต้องพิจรณาและปรับปรุงสัมพันธภาพที่เคยมีปัญหา นำแนวทางแก้ไขไปปรับใช้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในสัมพันภาพให้แก่กันและกัน สร้างความเชื่อใจ มีเมตตาต่อกัน มีความรักที่จริงใจ รู้สึกถึงความเห็นอกเห็นใจกัน ให้เกียรติกัน รวมทั้งคอยหมั่นเสริมสร้างสายใยความรักความผูกพันธ์ให้ยั่งยืน

 


11 ข้อดีของการทำบำบัดชีวิตคู่

1. สื่อสารได้ดีขึ้น

การบำบัดช่วยเปิดพื้นที่ปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนความรู้สึกและความคิด ลดการทะเลาะที่ไม่ก่อประโยชน์

2. เข้าใจความต้องการที่แท้จริง
หลายครั้งความขัดแย้งเกิดจากความเข้าใจผิด การบำบัดช่วยให้คู่รักเข้าใจความต้องการเชิงลึกของอีกฝ่าย

3. ลดการทะเลาะและความตึงเครียด
นักบำบัดจะช่วยสอนทักษะการจัดการอารมณ์และความขัดแย้ง ทำให้การสื่อสารราบรื่นขึ้น

4. ฟื้นฟูความไว้ใจ
สำหรับคู่ที่เคยเผชิญการนอกใจหรือความผิดหวัง การบำบัดช่วยเยียวยาและสร้างความไว้วางใจใหม่


5. เสริมสร้างความใกล้ชิด
ช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์และกายภาพให้กลับมาแข็งแรงขึ้น


6. ปรับมุมมองใหม่ต่อกัน
นักบำบัดช่วยให้ทั้งคู่มองอีกฝ่ายในมุมที่เข้าใจมากขึ้น ลดการโทษกันและกัน

7. เรียนรู้การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
คู่รักจะได้ฝึกทักษะการแก้ปัญหาเชิงบวกแทนการหลีกเลี่ยงหรือใช้อารมณ์

8. ป้องกันการหย่าร้าง
หลายคู่ที่เข้ารับการบำบัดสามารถปรับความสัมพันธ์จนหลีกเลี่ยงการแยกทางได้

9. ส่งผลดีต่อครอบครัว
เมื่อคู่รักมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น บรรยากาศในครอบครัวก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

10. เพิ่มความเข้าใจในตนเอง
การบำบัดไม่ได้ช่วยแค่คู่ แต่ยังช่วยให้แต่ละคนเข้าใจอารมณ์ ความเชื่อ และพฤติกรรมของตนเองมากขึ้น

11. พัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาว
การบำบัดไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาปัจจุบัน แต่ยังสร้างทักษะที่คู่รักใช้รักษาความสัมพันธ์ในอนาคต



ใครเหมาะกับการบำบัดชีวิตคู่?

  • คู่ที่มีการทะเลาะบ่อยครั้ง
  • คู่ที่เผชิญความไม่ไว้วางใจ (เช่น การนอกใจ)
  • คู่ที่รู้สึกห่างเหิน ขาดความใกล้ชิด
  • คู่ที่ต้องการเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แข็งแรง

สรุป
การบำบัดชีวิตคู่ (Couples Therapy) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคู่รักฟื้นฟูความสัมพันธ์ พัฒนาทักษะการสื่อสาร และสร้างความเข้าใจใหม่ๆ การเข้ารับการบำบัดไม่ได้แปลว่าความสัมพันธ์ล้มเหลว แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างชีวิตคู่ที่มั่นคงและยั่งยืน

จากการศึกษาพบว่าการทำ couples therapy สามารถเห็นผลได้ดีหลังจากได้รับหลักการแนวทางในการพัฒนาด้านภาวะทางอารมณ์จากผู้เชี่ยวชาญ โดยทั่วไปคู่สมรสที่เข้ารับบำบัด กว่า 75% ของการทำบำบัดสามารถกลับไปใช้ชีวิตคู่ได้อย่างมีทักษะและสามารถจัดการด้านอารมณ์ในเชิงบวกได้ดี และกว่า 93% แสดงผลในระดับที่น่าพอใจต่อการลดระดับความขัดแย้งของการใช้ชีวิตคู่ได้ โดยผลสำรวจอ้างอิงจาก American Psychological Association (APA) และ FASTSTATS-Marriage and Divorce

อย่างไรก็ตามหลายคู่มักละเลยต่อการทำบำบัดชีวิตคู่ และมักมาพบผู้เชี่ยวชาญเมื่อปัญหาความสัมพันธ์ได้สะสมบานปลายและเสี่ยงต่อการจบความสัมพันธ์ ดังนั้นควรมองหาวิธีทางในการแก้ไขปรับปรุงความสัมพันธ์ชีวิตคู่ให้ดีขึ้นก่อนจะสายเกินแก้ 

การใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเป็นเรื่องซับซ้อน การปรับปรุงแก้ไขต้องอาศัยระยะเวลาและความร่วมมือจากทั้งคู่ ต้องมีวินัยและ ความอดทน มีความมุ่งมั่นที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี การทำบำบัดจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหากทั้งคู่ควรให้ความร่วมมือกันและมีการตั้งเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงสัมพันธภาพชีวิตคู่โดยให้ความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญอย่างเต็มที่เพื่อให้ปัญหาชีวิตคู่สามารถผ่านพ้นและสร้างเสริมชีวิตคู่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไปได้





FAQ (คำถามท้ายบทความ)

Q1: Couples Therapy ต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
A: ส่วนใหญ่คู่รักอาจต้องทำอย่างน้อย 6–12 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัญหาและความรุนแรง

Q2: Couples Therapy เหมาะกับคู่ที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือไม่?
A: เหมาะ ทั้งคู่แต่งงานและคู่รักทั่วไป เพราะเป้าหมายคือพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น

Q3: Couples Therapy แก้ปัญหาการนอกใจได้หรือไม่?
A: การบำบัดไม่สามารถลบอดีตได้ แต่ช่วยให้คู่รักสร้างความไว้วางใจใหม่และจัดการอารมณ์ร่วมกันได้

อ้างอิง
https://www.talkspace.com/blog/benefits-of-couple-therapy/

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้