91198 จำนวนผู้เข้าชม |
Trauma คืออะไร?
เข้าใจบาดแผลทางใจ สาเหตุ และแนวทางการรักษา
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา
Marid Kaewchinda (Ph.D)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
นักจิตบำบัด EMDR Psychotherapy/ Brainspotting Psychotherapy Practitioner
Trauma คืออะไร? เข้าใจบาดแผลทางใจ สาเหตุ และแนวทางการรักษา
หลายคนอาจคุ้นเคยกับคำว่า Trauma (ทรอม่า) ซึ่งหมายถึง “บาดแผลทางใจ” หรือ “ประสบการณ์บาดแผล” ที่ส่งผลกระทบยาวนานต่ออารมณ์และพฤติกรรมของเรา Trauma ไม่ใช่แค่เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น แต่รวมถึง “ผลสะท้อนในจิตใจ” ที่คงอยู่แม้เวลาผ่านไป
ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความเข้าใจว่า Trauma คืออะไร อาการของผู้ที่เผชิญ Trauma มีอะไรบ้าง สาเหตุหลัก ๆ มาจากไหน และการรักษาที่ได้ผลคืออะไร
Trauma คืออะไร?
Trauma หมายถึง “บาดแผลทางใจ” ที่เกิดขึ้นหลังจากประสบเหตุการณ์รุนแรงหรือกระทบกระเทือน เช่น อุบัติเหตุ การถูกทำร้าย การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หรือเหตุการณ์ที่สร้างความกลัวและความเจ็บปวดอย่างมาก
Trauma ไม่ได้หมายถึงเหตุการณ์เพียงอย่างเดียว แต่คือ ผลกระทบทางจิตใจที่ยังคงอยู่ เช่น ความกลัว ความวิตกกังวล และความรู้สึกไม่ปลอดภัย
Traumaเป็นการตอบสนองทางด้านอารมณ์ที่เป็นผลกระทบมาจากประสบการณ์ด้านลบ ประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ โดยอาจเกิดขึ้นกับตนเองโดยตรงหรือเป็นผู้พบเห็นผู้อื่นถูกกระทำ เราเรียกเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เหล่านั้นว่า traumatic event
สาเหตุของ Trauma
Trauma มักเกิดจากเหตุการณ์ที่รุนแรงหรือทำให้รู้สึกไร้การควบคุมเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หรือ traumatic event มักส่งผลต่อการเกิดปมบาดแผลทางใจต่างๆ เช่น:
ผลกระทบจาก trauma มีอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่มักตอบสนองต่อ Traumatic event ในหลายรูปแบบ เช่นอาจปฎิเสธที่จะยอมรับมัน หรือ ทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งและจากนั้นก็จะค่อยๆดีขี้น
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถฟื้นฟูสภาวะทางจิตใจให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง หรือสามารถหายจากtrauma ที่เกิดจากประสบการณ์อันเลวร้ายนั้นได้ด้วยตัวเองทุกคน บางคนอาจต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา เพราะฉนั้นหากเรามี trauma หรือปมบาดแผลทางใจที่ไม่สามารถจัดการหรือรับมือกับมันได้ด้วยตัวเองและสร้างความเจ็บปวดมายาวนานไม่หายไปจากใจควรรีบไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับการบำบัดด้านจิตใจและไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
จะเกิดอะไรขึ้นหากเราปล่อย trauma (ปมบาดแผลทางใจ) ทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการเยียวยาให้หาย?
บาดแผลทางใจหากปล่อยทิ้งไว้ไปเรื่อยๆโดยไม่ได้รับการบำบัดรักษาด้านจิตใจให้หายเป็นปกติ จะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะด้านสุขภาพจิตที่แย่ลงและมีปัญหาสุขภาพร่างกายในเวลาต่อมา การไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยาสภาพวะด้านจิตใจให้เป็นปกติจะส่งผลเสียทำให้เกิดเป็นโรควิตกกังวล แพนิค โรคทางจิตเวชต่างๆ ไบโพล่า อารมณ์แปรปรวน รุนแรง ซึมเศร้า โรคเครียด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดตีบตัน eating disorderโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง ส่งผลทางกระทบทางใจหรือโรคPTSD (Post-traumatic stress disorder)
อาการของ Trauma
เมื่อเผชิญกับ Trauma ร่างกายและจิตใจอาจตอบสนองแตกต่างกันไป โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่:
Post-traumatic stress disorder (PTSD) คืออะไร?
PTSD เป็นภาวะด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรมที่ไม่ปกติหลังจากการเผชิญกับประสบการณ์อันเลวร้าย (traumatic event) โดยอาการมักเกิดขึ้นเมื่อมีตัวกระตุ้นให้นึกถึงเหตุการณ์ที่ตนมีประสบการณ์อันเลวร้ายนั้น หรือบางครั้งความคิดถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้นก็โผล่ขึ้นมาในความคิดโดยไม่ทันตั้งตัวจนทำให้หวาดกลัวผวากับเหตุการณ์นั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
อาการที่พบบ่อยใน Post-traumatic stress disorder (PTSD) คืออะไร?
ปัญหาด้านสุขภาพจิตจากที่พบหลักๆหลังเกิดจากประสบการณ์อันเลวร้ายจาก (raumatic event คือ การที่ความทรงจำในสมองกลับไปมีประสบการณ์เลวร้ายซำ้เดิมอีก เช่น
การเกิด PTSD ใช้เวลานานแค่ไหนหลังเหตุการณ์ traumatic event?
อาการ PTSD สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาหลังประสบเหตุการณ์อันเลวร้าย โดยแต่ละคนอาจเริ่มมีอาการในระยะเวลาไม่เท่ากัน บางคนประมาณหนึ่งเดือนหลังเหตุการณ์อันเลวร้าย หรือบางคนอาจกินเวลาเป็นหลายเดือนหรือเป็นปีก่อนที่อาการจะค่อยๆปรากฏ
อาการที่มีมักส่งผลต่อการหวนคิดถึงเหตุการณ์น่ากลัวนั้นอีกและบ่อยครั้งทำให้ไม่มีสมาธิในการโฟกัสและความคิดนั้นมักรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลา ส่งผลทำให้บางครั้งเกิดอาการหวาดผวา หวาดกลัว วิตกกังวล หวาดระแวง มีความคิดลบต่อการใช้ชีวิตและทัศนคติที่ไม่ดีกับคนรอบข้าง
รู้ได้อย่างไรว่าเรามีTrauma หรือปมบาดแผลทางใจ?
หลังเผชิญกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ มักสร้างให้เกิดปมบาดแผลทางใจหรือTrauma และอาการมักแสดงออกดังนี้เช่น วิตกกัวล ควบคุมความคิดมากในเหตุการณ์เลวร้ายนั้นไม่ได้ ซึมเศร้า แยกตัวออกห่างสังคม หวาดกลัว รู้เจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ อับอาย เสียหน้า มีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ ติดสุรา อาการต่างๆเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนที่บอกว่าเรามีภาวะTrauma
Trauma หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการเยียวยาบำบัดด้านจิตใจอาจพัฒนาไปในทางเลวร้ายมากขึ้นทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่และเสี่ยงต่อการเกิด post-traumatic stress disorder (PTSD) หรือ Complex PTSD ได้
สาเหตุของ complex PTSD มักเกิดจาก traumatic events เหตุการณ์ที่สร้างปมบาดแผลทางใจที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ต่อเนื่องหลายเหตุการณ์หรือถูกกระทำเป็นเวลายาวนาน เช่น เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดในช่วงวัยเด็ก การถูกทอดทิ้งและถูกกระทำชำเรา ก็จะทำให้ปมบาดแผลทางใจมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น การถูกทำร้ายทุบตี ถูกข่มขืนล่วงละเมิดหรือตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์เหล่านี้ล้วนสร้างให้เกิดความซับซ้อนในการเยียวยาด้านจิตใจ และเป็นการยากที่จะเยี่ยวยาและฟื้นฟูบำบัดจิตใจให้หายเป็นปกติได้ด้วยตัวเอง
Traumaแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะดังนี้
1. Acute Trauma (บาดแผลทางใจเฉียบพลัน)
เป็นเหตุการณ์ที่กระทบทางใจอย่างรุนแรง อาจเป็นเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตความอยู่รอด เช่น ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเสียชีวิต หรือการหนีตายจากภัยพิบัติ หรือรอดตายจากสงครามการสู้รบในสนามรบเป็นต้น
2. Chronic Trauma (บาดแผลทางใจเรื้อรัง)
เป็นการถูกกระทำ หรือโดนทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง ที่พบบ่อยมักจะเป็นประสบการณ์ด้านลบในวัยเด็กที่ถูกทารุณกรรม ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทรมาน ถูกข่มขืน ถูกกลั่นแกล้ง ถูกล้อเลียน ถูกทอดทิ้ง เหตุการณ์เหล่านั้นมักเกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นระยะเวลายาวนาน
3. Complex Trauma (บาดแผลทางใจซับซ้อน)
เป็นความซับซ้อนที่มีหลายเหตุปัจจัย หลายเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนคนนั้นและเกิดในหลายช่วงวัยทำให้ยากต่อการฟื้นคืนของสภาวะทางจิตใจได้ด้วยตัวเอง
Trauma ส่งผลกระทบต่อสภาวะทางจิตใจต่อคนในรูปแบบที่แตกต่างกัน การตอบสนองทางร่างกายของคนเราเมื่อถูกกระทบด้านจิตใจจนทำให้เกิดความตึงเครียด การถูกคุกคามจากบางสิ่งบางอย่างหรือจากบางคนมักส่งผลต่อสมองและการหลั่งฮอร์โมน หากเรารู้สึกว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน (cortisol and Adrenaline) สาร 2 ตัวนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติทำให้แต่ละคนจะเกิดอาการแสดงออกที่แตกต่างกันดังนี้
อาการที่แสดงออกเช่น
1. Freeze นิ่งไม่ตอบสนอง
2. Flop ทำตามไม่ขัดขืน
3. Fight ต่อต้านไม่ทำตาม
4. Flight หลบหนี หลีกเลี่ยง
5. Fawn พยายามเอาใจอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้ถูกทำร้าย
การตอบสนองของร่างกายต่อความตึงเครียดที่เกิดจากผลกระทบด้านจิตใจนั้นส่งผลกระทบระยะยาวทั้งด้านร่ายกายและด้านจิตใจถึงแม้ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะจบไปแล้วก็ตาม ผลกระทบต่อเหตุการณ์เหล่านั้นส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติการมองโลก และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิตตามมา
Trauma นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางกายและจิตใจที่เป็นปัญหาแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตัวเองด้วยเช่นกัน ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจหรือรู้สึกเป็นปมด้อย ไม่มีคุณค่า ส่งผลกระทบด้าน self-esteem ทำให้มีself-esteemที่ต่ำ ขาดความเชื่อมั่นด้านจิตใจ
Trauma ทำให้คนอ่อนแอ เปราะบางด้านจิตใจและสามารถพัฒนากลายเป็นปัญหาความเจ็บป่วยเรื้อรังด้านร่างกายได้ เนื่องจากความเครียด และความวิตกกังวลเป็นเวลานานนับปี หรือเป็นหลายสิบปี มักส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจที่ทำงานสัมพันธ์กัน
ผลกระทบมาจากTrauma ทำให้เกิดข้อเสียอะไรบ้าง?
จากงานวิจัยพบว่า ปมบาดแผลหรือTrauma หากปล่อยไว้ส่งผลต่อโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต อันเนื่องมาจากโรคต่อไปนี้ เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคตับอักเสบ โรคมะเร็ง เส้นเลือดอุดตันในสมอง โรคเบาหวาน พฤติกรรมฆ่าตัวตาย และการใช้ชีวิตอย่างประมาท รวมทั้งการใช้ยาเกินขนาดด้วย เหล่านี้มักมีสาเหตุมาจากtrauma ที่ไม่ได้รับการรักษาให้หายเป็นปกติ
การรักษา Trauma ที่ได้ผล
1. จิตบำบัด (Psychotherapy)
EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) เป็นการบำบัดด้วยการเคลื่อนไหวดวงตา ช่วยประมวลผลความทรงจำบาดแผล ลดความเจ็บปวดทางอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านเพิ่มเติม: EMDR Therapy คืออะไร
อ่านเพิ่มเติม: Brainspotting ช่วยรักษา Panic Attack และ Anxiety
2. การดูแลด้วยตนเอง
สรุป
Trauma (บาดแผลทางใจ) เป็นสิ่งที่ส่งผลต่อชีวิตและสุขภาพจิตในระยะยาว แต่สามารถรักษาและเยียวยาได้ด้วยการบำบัดที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น CBT, EMDR หรือ Brainspotting การได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการฟื้นฟูและกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
FAQ (คำถามท้ายบทความ)
Q1: Trauma ต่างจาก PTSD อย่างไร?
A: Trauma คือบาดแผลทางใจ ส่วน PTSD คือภาวะที่เกิดจาก Trauma เมื่ออาการคงอยู่นานและรุนแรงจนรบกวนชีวิตประจำวัน
Q2: Trauma หายได้หรือไม่?
A: อาการ Trauma สามารถบรรเทาและเยียวยาได้ด้วยการบำบัด เช่น CBT, EMDR และ Brainspotting
Q3: ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการรักษา Trauma?
A: ระยะเวลาแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล บางรายเห็นผลในไม่กี่เดือน ขณะที่บางรายอาจต้องการเวลานานขึ้น
อ้างอิง
https://www.camh.ca/en/health-info/mental-illness-and-addiction-index/trauma#:~:text=Trauma%20is%20the%20lasting%20emotional,regulate%20emotions%20and%20navigate%20relationships.
https://www.mind.org.uk/information-support/types-of-mental-health-problems/trauma/effects-of-trauma/
https://www.apa.org/ptsd-guideline/treatments/eye-movement-reprocessing
https://www.psychiatry.org/patients-families/ptsd/what-is-ptsd
https://www.psychologytoday.com/intl/blog/relationship-and-trauma-insights/202101/how-know-if-you-or-loved-one-is-suffering-trauma