ทำไมเราต้องให้อภัยคนที่ทำร้ายเราด้วย

32445 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทำไมเราต้องให้อภัยคนที่ทำร้ายเราด้วย

 ทำไมเราถึงต้องให้อภัย

 

ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D)

นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และนักจิตบำบัด

EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner

หากปราศจากการให้อภัยในชีวิตของคนเราแลัวนั้น จิตใจของเราจะวนเวียนอยู่กับการคิดเอาคืนอาฆาตแค้น ทนทุกข์ระทมกับความคิดลบเจ็บปวดอย่างไม่สิ้นสุด

นักจิตวิทยาให้นิยามของคำว่าการให้อภัย หรือ Forgiveness ว่าคือการปลดปล่อยความไม่พึงพอใจ ความโกรธเกลียด เครียดแค้นที่มาจากพลังงานด้านลบที่คอยทำร้ายเรา โดยใช้หลักเหตุผลของความเข้าใจ และเห็นอกเห็นใจเวทนาคนที่ทำร้ายคนอื่น หรือสงสารกับการกระทำ หรือพฤติกรรมความคิดของคนที่ทำร้ายเรา ฟังดูขัดแย้งใช่ไหมครับว่าทำไมเราต้องไม่คิดเคียดแค้นชิงชังหรือหยุดแก้แค้นเอาคืนคนที่ทำให้เราเจ็บปวด แล้วคนพวกนั้นสมควรได้รับการให้อภัยหรือไม่?

การให้อภัยไม่ใช่เป็นการลบเลื่อนความทรงจำอันเลวร้ายหรือทำใจให้ลืมเหตุการณ์ที่ทำให้เราเจ็บปวด แต่เป็นการรับรู้และอยู่กับมันอย่างเข้าใจถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้วกับเรา การให้อภัยเป็นการนำตัวเองเข้าไปสู่กระบวนการฟื้นฟูด้านจิตใจ เป็นการปลดปล่อยใจเราให้เป็นอิสระจากความคิดด้านมืดที่แฝงไว้ด้วยพลังงานด้านลบที่เต็มไปด้วยความโกรธเกลียดชิงชัง และปลดปล่อยใจเราให้เป็นอิสระโดยใช้หลักการแทนที่ความคิดลบนั้นด้วยความคิดที่เป็นบวก

  



การให้อภัยคนที่ทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจนั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลายๆคน และความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่เลวร้ายนั้นยังอยู่คอยรบกวนจิตใจของเราตลอดเวลาและทุกครั้งที่เรานึกถึงมันเราก็จะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทุกที อย่างไรก็ตามเหตุผลว่าทำไมการให้อภัยถึงเป็นสิ่งสำคัญกับชีวิตของเรานั้นก็เพราะว่าการที่เรายังไม่หลุดพ้นจากความโกรธนั้นเหมือนเราเก็บพลังงานลบไว้กับเราตลอดเวลา

แต่เมื่อเราปลดปล่อยความโกรธ เกลียด เครียดแค้นชิงชังให้ออกไปจากใจเรา ด้วยการปล่อยวางเป็นการช่วยรักษาสมดุลของร่างกายให้กลับมาเป็นปกติสุข เป็นประโยชน์กับสุขภาพร่างกายในเรื่องของการสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ไม่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ทำให้ฮอร์โมนไม่เสียสมดุลอันเนื่องมากจากความเครียด ลดอาการข้างเคียงเช่น ท้องอืด ท้องเฟ้ออาหารไม่ย่อยมีกรดเกิน และลดอาการปวดต่างๆตามร่างกายได้ เมื่อใจสบายร่างกายก็ไม่เจ็บปวดทุกข์ทรมาน

 

 

ถึงแม้ว่าการให้อภัยจะไม่ได้ทำได้ง่ายๆ แต่เราควรฝึกปฎิบัติและตระหนักรู้ว่าอยู่เป็นประจำว่าไม่ควรโกรธ เครียดแคันใคร และควรให้อภัยปล่อยวางไม่เก็บมาคิดมากหรือกลายเป็นความคิดลบเพื่อให้ชีวิตได้กลับมามีสมดุลและสามารถก้าวเดินต่อไปได้

หลักสำคัญของการพัฒนาเรื่องการให้อภัยมีประโยชน์หลายอย่างและทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ดังนี้


8 กุญแจสำคัญแห่งการให้อภัย

1.  ปลดปล่อยจิตใจที่ถูกกักขัง 

การให้อภัยช่วยให้จิตใจเราถูกปลดปล่อยจากการเครียดแค้น ทำให้เราเข้มแข็ง มั่นคงและเพิ่มความั่นใจจากภายใน ลดความโกรธที่ทำให้สุขภาพใจและกายเจ็บป่วย ลดความวิตกกังวล และลดผลกระทบต่อการเกิดบาดแผลทางใจในระยะยาว

การให้อภัยช่วยให้เราสามารถปลดปล่อยการเสียสูญสมดุลย์ด้านสุขภาพจิตและทำให้เราพัฒนาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ดีขึ้นในอนาคต

2.  ทำให้เกิดจิตที่เป็นเมตตา 

การฝึกให้อภัยผู้อื่นอยู่เสมอแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยช่วยทำให้เรามีใจเมตตาเห็นอกเห็นใจปล่อยวางการกระทำผิดหรือที่ไม่ดีของผู้อื่นทำให้ใจเราสบาย

3.  ฝึกให้อภัยตัวเอง

ความเจ็บปวดนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งการถูกหักหลัง ถูกนอกใจ ความไม่เชื่อใจ การขาดความเชื่อมั่น คิดลบมองโลกในแง่ร้าย ซึมเศร้า วิตกกังวล และอีกมากมาย ดังนั้นการฝึกปฎิบัติการให้อภัยผู้อื่นเป็นสิ่งที่ควรฝึกฝนเพื่อปลดปล่อยใจตัวเองให้เป็นอิสระ

อย่างไรก็ตามอย่าลืมที่จะให้อภัยตนเองด้วย การให้อภัยตัวเองช่วยให้จิตใจได้รับประสบการณ์ด้านบวกในการเยียวยาฟื้นฟูจิตใจ และควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่รู้สึกปลอดภัยเพื่อได้รับสนับสนุนการให้เรื่องการให้อภัย

4.   หมั่นพัฒนาจิตใจผ่านความเห็นอกเห็นใจ สงสาร เวทนาตัวเองและผู้อื่น

5.   หาสาเหตุที่ทำให้เราทุกข์ทรมานใจให้เจอและพยายามหาข้อดีจากเหตุการณ์ที่แย่เหล่านั้น

6.   ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับการช่วยเหลือจากอย่างถูกวิธี หากยากเกินจะทำได้ด้วยตัวเอง

7.   หมั่นให้อภัยตัวเองเพื่อเป็นการช่วยฝึกให้ใจเรารู้จักให้อภัยผู้อื่นได้ง่ายขึ้น

8.   พัฒนาจิตใจของการให้อภัย

ถึงแม้จะเป็นเรื่องยากและไม่ได้เกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วแต่การฝึกฝนการให้อภัยนั้นเป็นสิ่งที่เราควรพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการลดภาวะความเจ็บป่วยด้านจิตใจและร่างกายในระยะยาว


อย่างไรก็ตามเมื่อรู้จักวิธีการให้อภัยผู้อื่นแล้วก็ไม่ควรละเลยการให้อภัยตนเองการให้อภัยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ การให้ความใส่ใจในเรื่องจิตใจของตนเอง เห็นอกเห็นใจ สงสารเมตตาและเข้าใจตัวเองนั้นเป็นการช่วยให้ชีวิตก้าวต่อไป และไม่ติดกับดักทางความคิดที่เคยกระทำผิด

ถึงแม้ความผิดที่เคยกระทำจะเล็กน้อยหรือใหญ่หลวงก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปแล้วมันไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้แต่สิ่งที่เราควรทำคือ ทำความเข้าใจกับตัวเองในเรื่องที่เกิดขึ้น มีใจเมตตาและให้อภัยตัวเองเหมือนที่เราให้อภัยผู้อื่น อย่างไรก็ตามควรเก็บความผิดพลาดที่มาผ่านมาเป็นบทเรียนที่จะไม่ทำซำ้เดิมอีก

เราอาจนำหลักคิด 12 วิธีในการให้อภัยตนเองไปปรับใช้เพื่อให้ชีวิตเพื่อให้มีหลักในการก้าวเดินไปต่อได้และเป็นการปลดปล่อยตัวเองจากความรู้สึกที่เจ็บปวดทำดังนี้

หลักคิด12 วิธีในการให้อภัยตนเอง

  1. รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง- การที่เราจะให้อภัยตัวเองได้ต้องรู้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับอารมณ์ของตัวเอง จึงเกิดการยอมรับและเข้าใจว่าอะไรที่เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์และจุดอ่อนไหวของเราคืออะไร
  2. จดจำหรือพูดดังๆว่าสิ่งนั้นทำให้เรารู้สึกแย่- ช่วยให้เราระลึกถึงความผิดพลาดนั้นและจะไม่ทำซำ้เดิมอีก
  3. เก็บเอาความผิดพลาดมาเรียนรู้เป็นประสบการณ์
  4. สร้างกล่องเก็บในใจขึ้นมาเพื่อเก็บสิ่งแย่ๆลงไป
  5. สื่อสารหรือพูดคุยกับตัวเองเพื่อให้กำลังใจ
  6. ระวังเรื่องการวิพากวิจารณ์ตัวเอง
  7. ระบายออกความคิดลบดัวยการเขียนใส่ในกระดาษ
  8. สอบถามความคิดเห็นกับเพื่อนในเหตุการณ์คล้ายกัน
  9. มีเป้าหมายที่ชัดเจนกับตัวเองว่าต้องการอะไร
  10. หยุดวงจรการกระทำผิดซำ้เดิม
  11. ให้ความรักและเมตตากับตัวเองด้วยการพร้อมเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆและไปต่อ
  12. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยหยุดการดำเนินชีวิตที่วนเวียนกับการทำผิดซ้ำๆและทำให้สุขภาพจิตแย่ลง

หากรู้สึกว่าการให้อภัยตัวเองและผู้อื่นไม่สามารถผ่านไปได้โดยลำพังควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหาได้ถูกวิธี การให้อภัยเป็นการปลดปล่อยใจเราจากการถูกกักขังและจองจำในความคิดที่วนเวียนและความเจ็บปวดที่ไม่มีวันสิ้นสุด ผู้กล้าหาญเท่านั้นถึงจะกล้ายอมรับ ปล่อยวางและให้อภัยผู้อื่นและตัวเองในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้

 

 

 

อ้างอิง:

1.  https://greatergood.berkeley.edu/article/item/eight_keys_to_forgivenes

2. https://www.healthline.com/health/how-to-forgive-yourself#8.-Get-clear-about-what-you-want




 


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้