จิตหลงผิดภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

22766 จำนวนผู้เข้าชม  | 

จิตหลงผิดภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

Delusional Disorder

หรือ โรคจิตหลงผิด

เป็นภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม



ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner

ทำไมโรคหลงผิดถึงยากต่อการรักษา?

โรคจิตหลงผิดเป็นภัยทางจิตที่ค่อนข้างรุนแรงแต่การรักษาทำได้ยากเนื่องจาก ผู้ที่มีอาการจิตที่หลงผิดส่วนใหญ่คิดว่าตนเองปกติ จึงไม่มองหาหรือต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้นจึงมักไม่ได้รับการรักษาซึ่งส่งผลเสียต่อตัวเองและผู้อื่น มักก่อให้เกิดความวุ่นวายและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันทั้งกับตนเองและคนรอบข้าง

 



 

สาเหตุของโรคจิตหลงผิด

โรคจิตหลงผิด Delusional Disorder เกิดได้จากหลายสาเหตุและไม่มีการระบุแน่ชัดแต่การวิจัยมักพบว่าเกิดจากปัจจัยต่างๆดังนี้ 

1. พันธุกรรม   

หากมีคนในครอบครัวมีประวัติทางโรค schizophrenia หรือโรคทางจิตเวชบางชนิดก็อาจส่งต่อสู่รุ่นต่อไปได้ 

2. ความผิดปกติด้านสมอง

ระบบสื่อประสาท หรือ เคมีในสมองที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิดภาพลวงตา หูแว่ว จิตหลอนได้

3. สิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดู 

ประสบการณ์ชีวิต และปัจจัยด้านจิตวิทยาอื่นๆที่ส่งผลต่อการรับรู้ ความคิด และความเชื่อ ความอ่อนไหวด้านจิตใจ และการใช้สารเสพติดหรือติดสุราก็ส่งผลต่อการรบกวนในระบบประสาทและสมองด้วยเช่นกัน

 

โรคหลงผิดมีอาการอย่างไร

อาการอาจไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน แต่จะมีความหวาดระแวงผิดปกติ เหมือนอาการของโรค paranoia (พารานอยด์) มีความหวาดกลัวระแวงว่าจะถูกทำร้าย หรือถูกฆ่า ความคิดไม่เป็นความจริง ไม่สมเหตุสมผล แยกแยะจินตนาการกับความจริงออกจากกันไม่ได้ อาจมีอารมณ์หงุดหงิด โกรธ อารมณ์เสีย หรือภาพหลอน หูแว่ว ร่วมด้วย 

โรคจิตหลงผิด หรือ Delusional Disorder ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในวัยกลางคน และแนวโน้มจะเป็นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 

แบ่งได้เป็น6 ประเภทดังนี้

1. Erotomanic: คือ ประเภทหมกมุ่น

แอบรักข้างเดียว เป็นโรคหลงผิดชนิดหนึ่งที่คิดไปเองว่ามีคนหลงรักตน โดยเฉพาะ ดารา นักร้อง บุคคลสำคัญ หรือ คนมีชื่อเสียง เป็นความรักจากระยะไกลที่ตนคิดไปเองคนเดียวโดยบุคคลมีชื่อเสียงเหล่านั้นไม่ได้รู้เรื่องแต่คิดเอาเองและหลงเชื่อว่าพวกเขาหลงรักตนเองจริงๆ

2. Grandiose: คือ หลงคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่

เป็นโรคหลงผิดชนิดที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้มีอิทธิพล ทรงพลัง มีพรสวรรค มีพลังพิเศษ มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงโลก อาการนี้อาจมีผลมากจากโรคไบโพล่า และ โรคschizophrenia

3. Jealous: คือ หึงหวง

เป็นอาการโรคหลงผิดที่คิดว่าคู่ชีวิตของตน นอกใจ ไม่ซื่อสัตย์ โดยไม่มีหลักฐานหรือเหตุผล โดยพื้นฐานอาจเกิดจากความไม่มั่นคงเรื่องความรักของตัวเอง หรือเคยถูกทอดทิ้งมาก่อน

4. Persecutory: คือ หวาดระแวงผู้อื่น

โดยเฉพาะคนใกล้ตัว คิดว่าเป็นคนร้ายจะมาฆ่าตน กำลังจ้องจะทำร้ายตนเองอยู่ตลอดเวลา อาจไปไกลจนถึงขั้นไปแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้อื่นทั้งๆที่ตัวเองเข้าใจผิดไปเอง

5. Somatic: คือ ความเจ็บป่วยที่เกิดจากจิตสั่ง

เช่น รู้สึกว่าตัวเองมีกลิ่นเหม็นตลอดเวลาทั้งๆที่ตนเองปกติ อาการที่เชื่อว่าตนเองป่วยเป็นโรคอะไรบางอย่างแต่แพทย์ไม่พบความผิดปกติใด

6. Mixed: อาจชนิดของอาการข้างต้นมากกว่าหนึ่งชนิด

 




การวินิจฉัย และ การวิธีรักษา

โดยทั่วไปหากไปพบแพทย์และได้ตับการตรวจวินิจฉัย เอ็กซ์เรย์สมอง และไม่พบความผิดปกติด้านร่างกายแต่อย่างใด แพทย์จะส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา โดยเฉพาะนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญในการทำจิตบำบัดด้วยpsychotherapy อาจเป็นการสัมภาษณ์พูดคุยเกี่ยวกับทัศนะคติ พฤติกรรม มีการใช้เทคนิคด้านจิตบำบัดหรือเครื่องมือทางจิตวิทยาร่วมด้วย การทำcounseling ถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นขั้นตอนอันดับแรกก่อนที่จะได้รับการรักษาด้วยจิตบำบัด หรือรักษาร่วมด้วยการใช้ยา 

ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำpsychotherapy ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในการเตรียมสภาพแวดล้อมให้ผู้มารับบริการรู้สึกปลอดภัย และไว้ใจในการเล่าอาการและพฤติกรรม แก้ไขอาการและทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นมองเห็นความเป็นจริงที่เป็นไปตามความเป็นจริง มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทำให้ความคิดและพฤติกรรมการใช้ชีวิตกลับมาดีดังเดิม การรักษาจากทั้งจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ หลักๆจะทำได้ดังนี้หากพบความผิดปกติเกี่ยวกับสมดุลของเคมีในสมอง มักจักใช้ อยู่ 2 วิธีคือ 

1. Psychosocial Treatment 

เป็นเทคนิคทางจิตวิทยาที่มักทำร่วมกับอีกหลายเทคนิคเพื่อทำให้มองเห็นความเป็นจริง เข้าใจตัวเอง นำไปสู่การแก้ไขพฤติกรรม ความคิดให้ถูกต้องและมองเห็นความเป็นจริงเพื่อสามารถกลับมาเชื่อมต่อกับสังคมรอบตัวและผู้อื่นได้ 

2. การใช้ยา

ในบางรายอาจได้รับความคิดเห็นจากว่าควรได้รับยาเพื่อช่วยให้การรักษาบำบัดด้านจิตใจให้ดีขึ้นร่วมด้วย

หากสงสัยว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวเสี่ยงที่จะมีแนวโน้มของโรคนี้ไม่ควรรอช้าควรรีบปรึกษานักจิตวิทยาในเบื้องต้นก่อนการใช้ยา เพราะยาที่มีผลต่อระบบประสาทและสมองย่อมส่งผลข้างเคียงด้านระบบประสาทและสมองในระยะยาว



อ้างอิง:

https://www.webmd.com/schizophrenia/guide/delusional-disorder



https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/9599-delusional-disorder

https://www.bettermindthailand.com/

https://www.facebook.com/BettermindThailand


 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้