4154 จำนวนผู้เข้าชม |
ประสงค์ศักดิ์ เจนกิจจาไพบูลย์
นักจิตวิทยาคลินิกชำนาญการพิเศษ
5 วิธีบริหารสมอง ที่ดีต่อใจ และทำได้เองง่ายๆ
ภาวะปัจจุบันที่สังคมแข่งขันเร่งรีบ ย่อมส่งผลต่อการปรับตัวที่เปลี่ยนไป ซึ่งหากปรับตัวได้ดี ก็จะเพิ่มความมั่นคงทางจิตใจทำให้จัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในทางตรงกันข้าม หากการปรับตัวและวิธีจัดการรับมือกับปัญหามีประสิทธิภาพลดลงก็จะส่งผลต่อความเครียด ความกังวล หรือเกิดภาวะซึมเศร้า ทำให้มีปัญหาด้านสุขภาพจิตตามมา
ดังนั้นการดูแลสุขภาพจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายความเครียดด้วยการออกกำลังกาย หรือ ปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดในเชิงบวก ก็จะสามารถช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นได้ การดูแลส่งเสริมสุขภาพจิตอีกรูปแบบหนึ่งที่อยู่ใกลัตัวเรา และอยากเชิญชวนคุณผู้อ่านมาฝึกทำด้วยกัน เพื่อเป็นการช่วยบริหารความคิดเชิงบวกที่ดีต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพใจได้นั่นคือ “การฝึกบริหารสมอง” นั่นเอง
การฝึกบริหารสมองเป็นประจำมีผลมีดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ และยังช่วยพัฒนาสมอง เพิ่มประสิทธิภาพของความจำ ชลอภาวะสมองเสื่อม ลดความเครียด หรือภาวะซึมเศร้าได้ การฝึกบริหารสมองให้ตื่นตัวนั้นทำให้สุขภาพจิตใจเข้มแข็ง ช่วยปรับปรุงการทำงานของสมอง วิธีการฝึกบริหารสมองนี้ ไม่จำเป็นต้องฝึกอย่างหักโหม และสามารถฝึกได้บ่อยๆทุกที่ ทุกเวลา ทั้งที่ทำงานและ ที่บ้าน
5 วิธีบริหารสมองที่ดีต่อใจ และทำได้เองง่ายๆ
1. ขยับร่างกายอย่างว่องไว
การขยับแขน ขา หรือเคลื่อนไหวร่างกายอย่างไวๆ อย่างกระโดดตบ 20 ครั้ง หรือ วิดพื้น 10 ครั้ง ช่วยทำให้หัวใจเต้นเร็ว ส่งผ่านการรับรู้ไปยังสมองทำให้ระบบประสาทตื่นตัว และหลั่งสารสื่อประสาทโดพามีน และเซโลโทนิน ทำให้ช่วยลดอาการเครียด หรือกังวลและภาวะซึมเศร้าได้
2. การบีบสัมผัส หรือได้รับกลิ่นหอม
การได้ขยับมือหรือบีบของอะไรซักอย่าง เช่น พลาสติกกันกระแทกหรือ air bubble ที่เราหาได้ง่ายใกล้ตัวทั้งไนบ้านหรือที่ทำงาน นำมาทำการบีบให้แตกไปเรื่อยๆเป็นการช่วยผ่อนคลายและยังเป็นการทำให้ร่ายกายและจิตใจได้ประสานกัน รับรู้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรา ทำให้เราตระหนักรู้และอยู่กับปัจจุบัน หรือแม้แต่การบีบลูกบอลยาง ก็เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้การรับรู้ด้วยประสาทสัมผ้สด้านอื่นๆ เช่น การได้กลิ่นจากน้ำมันหอมระเหยจากพืชและผลไม้ หรือกลิ่นหอมของน้ำมันอโรมา จาก ดอกคาโมมายล์และดอกไม้ชนิดอื่นๆ ก็เป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสและการรับรู้ได้เช่นกัน กลิ่นหอมทำให้เราได้ปลดปล่อยและผ่อนคลายความวิตกกังวล และความตึงเครียด
3. เล่นเกมอักษรไขว้หรือเกมทางคณิตศาสตร์อย่างซูโดกุ
เกมลักษณะนี้นอกจากจะสนุกสนานช่วยให้ปรับอารมณ์ของเราแล้ว ยังดีต่อการฝึกสมองในการคิดแก้ปัญหาอีกด้วย เราสามารถเล่นได้ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ตามแต่จะเลือก
4. เกมมือถือ
เกมในมือถืออย่างเช่น Personal Zen เป็นเกมส์ลดความเครียดที่พัฒนาโดย นักวิทยาศาสตร์ด้านระบบประสาทและสมองที่นิยมเล่นกันในแถบอเมริกาและช่วยเรื่องของการฝึกบริหารสมองได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเกมที่สนุกสนานโดยสามารถค้นหาทางอินเตอร์เน็ตซึ่งมีประโยชน์ทำให้สมองผ่อนคลายได้
5. ฝึกนั่งสมาธิ
การทำสมาธิเป็นวิธีที่รวดเร็ว ในการช่วยลดความตึงเครียด ทำให้พลังงานภายในสงบ และนิ่งลง ทุกคนสามารถทำสมาธิได้ยิ่งฝึกทำยิ่งดีต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกาย
หวังว่าคำแนะนำนี้จะเป็นไอเดียให้คุณผู้อ่านนำกลับไปใช้หรือปฎิบัติเพื่อพัฒนาสุขภาพด้านจิตใจได้ด้วยต้วเองโดยไม่ต้องพึ่งการใช้ยาคลายเครียด อย่างไรก็ตามหากรู้สึกว่า ความเครียดของตัวเองมีมากเกินกว่าจะผ่อนคลายด้วยตัวเองได้ แนะนำให้ปรึกษาเรื่องการดูแลสุขภาพจิตใจจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเพื่อฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาเป็นปกติเช่นเดิม ด้วยความห่วงใยจาก Better Mind
อ้างอิง:
1. The American Institute of Stress
2. https://www.bettermindthailand.com/
3. https://www.facebook.com/BettermindThailand