รู้ทันโรคซึมเศร้า
Dr. Marid Kaewchinda
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
นักจิตบำบัด EMDR Psychotherapy/ Brainspotting Psychotherapy
โรคซึมเศร้าคืออะไร
โรคซึมเศร้า คือภาวะทางอารมณ์ที่ผิดปกติ และ เป็นอยู่ยาวนานติดต่อกันทุกวันเกิน 2 สัปดาห์ จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต การอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม หรืออุปสรรคการทำกิจวัตรประจำวันที่เคยชอบทำสาเหตุของโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้าเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละคนอาจไม่เหมือนกันแต่ที่พบโดยทั่วไปส่วนใหญ่เกิดจาก- ความเครียดสะสม ไม่ได้รับการแก้ไขจนระบบเคมีในสมองผิดเพี้ยน
- ลักษณะบุคคลิกภาพของบุคคลนั้นที่มีมาแต่กำเนิด เช่น อ่อนไหวง่าย ขี้เหงา ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง
- สิ่งแวดล้อมที่เติบโตมา การเลี้ยงดู ประวัติคนในครอบครัวเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า วิกฤติที่ต้องเผชิญในชีวิต ประสบการณ์อันเลวร้าย
- ฮอร์โมนลดลงกระทันหัน เช่น ภาวะหลังคลอดบุตร ซึ่งส่งผลต่อการปรับสมดุลของสารบางอย่างในสมอง ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้
- การใช้สารเสพติด หรือ การติดเหล้า เป็นการกระตุ้นให้เกิดภาวะที่ไม่ปรกติ เสียสมดุลของสมองเป็นอย่างมาก และมีผลทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าที่รักษาได้ยาก
อาการของโรคซึมเศร้า
• รู้สึกท้อแท้ เศร้า เบื่อ หรือหงุดหงิดง่าย
• เลิกสนใจในสิ่งที่เคยชอบ
• มีปัญหาการกิน กินมากไปหรือกินน้อยไปจนทำให้น้ำหนักขึ้นหรือลงผิดปกติ
• มีปัญหาการนอน หลับยาก หรือนอนมากจนเกินไป
• มีอาการกระวนกระวาย หรือบางครั้งก็เฉื่อยชา
• รู้สึกหมดเรี่ยวแรง ไม่มีพลังไม่อยากลุกชึ้นมาทำกิจกรรม
• รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า หรือรู้สึกผิด และกล่าวโทษตัวเองในทุกเรื่อง
• ขาดสมาธิ ขาดความสงบ โฟกัสการทำงานไม่ได้ มีปัญหาเรื่องความคิดและการตัดสินใจ
• คิดถึงแต่เรื่องตาย อยากตาย หรืออยากฆ่าตัวตาย
การรักษาอาการของโรคซึมเศร้า
หากสังเกตุอาการพบว่าตัวเองหรือคนในครอบครัวมีอาการบื่อ เหนื่อยง่าย มีปัญหาการกิน การนอน ไม่อยากทำอะไร นอนมากเกินไปหรือไม่หลับไม่นอน ดูกระวนกระวาย ไม่มีสมาธิ และคิดถึงแต่เรื่องตาย และอาการเหล่านี้อยู่รบกวนจิตใจตลอดเวลายาวนานเกิน 2 สัปดาห์ และไม่หายไปหรือไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์หรือปรึกษานักจิตวิทยาเพื่อรับการรักษาให้ถูกวิธี การได้พูดคุยปรึกษากับนักจิตวิทยา หรือทำการบำบัดด้านจิตใจจะช่วยให้ภาวะซึมเศร้าดีขึ้น และ อาจกลับมาเป็นปกติได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา อย่างไรก็ตามควรปรึกษานักจิตวิทยาก่อนการรับยาจากแพทย์
นอกจากนี้อาการซึมเศร้ามีหลายระดับแต่ละคนมีอาการและภาวะซึมเศร้าไม่ที่เหมือนกัน วิธีการรักษาก็มีหลากหลาย สาเหตุของการเป็นโรคซึมเศร้ามีที่มาที่ไปที่ต่างกัน
หลายเทคนิคด้านจิตวิทยาที่สามารถแก้อาการซึมเศร้าหรือภาวะซึมเศร้าได้มักมีพื้นฐานมาจากการที่เราปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตหรือปรับเปลี่ยนวิธีการมองโลกให้เป็นบวก หรือใช้ความคิดที่มีมุมมองต่างไปจากที่เคยชินหรือเป็นอยู่ซึ่งการประยุกต์ใช้จะไม่เหมือนกันในแต่ละคน นักจิตวิทยาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลจิตใจสามารถให้คำแนะนำเราได้ และสามารถช่วยให้เรามีวิธีการดูแลด้านจิตใจที่ผสมผสานในหลากหลายเทคนิค
ดังนั้นการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในการรักษาจะดีกว่าการพึ่งยาต้านซึมเศร้าเพียงอย่างเดียว และแน่นอนว่ายามีผลต่อสมองและผลข้างเคียงอื่นๆที่อาจส่งผลเลวร้ายต่ออาการซึมเศร้าที่รุนแรงขึ้นในอนาคตที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เราจึงควรที่จะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และเหมาะสมในการปฎิบัติตัวและการใช้ชีวิตที่มีความสุขได้โดยไม่ต้องพึ่งการใช้ยา
หากรู้สึกว่่ามีอาการเหมือนภาวะซึมเศร้าดังที่กล่าวมา อาจนำเทคนิคเบื้องต้นนี้ไปใช้เพื่อช่วยเหลือตัวเองขั้นต้นก่อนได้ดังนี้
เทคนิคที่จะช่วยให้อาการซึมเศร้าดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยามีดังนี้
- เรียนรู้เกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าของตัวเองให้มากที่สุด
- เปิดใจในการรักษาเพื่อเรียนรู้และค้นพบวิธีที่เหมาะสมกับตนเอง
- ไม่ควรพึ่งยาต้านโรคซึมเศร้าเป็นอันดับแรก เพราะยาไม่ได้เหมาะกับทุกคน และยามีผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อระบบประสาทและสมอง
- พูดคุยกับคนในครอบครัว หรือ เพื่อนที่สนิทไว้ใจได้ ออกไปพบปะสังคมให้มากขึ้น
- ปรับพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตบางอย่างที่ดีต่อการช่วยรักษาโรคซึมเศร้าและเป็นการป้องกันการกลับมาอีกในระยะยาว
การดูแลผู้ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการซึมเศร้า
ผู้ประสบภาวะซึมเศร้าจะมีความรู้สึกทุกข์ทรมานที่ต้องเผชิญกับความสิ้นหวังท้อแท้ กลัวเศร้าเสียใจโกรธโทษตัวเองอาการเหล่านี้ผู้ใกล้ชิดดูแลผู้มีภาวะซึมเศร้าสามารถช่วยเขาให้ทุเลาได้ด้วยความรักและความเข้าใจ ดูแลความเป็นอยู่ของเขารับฟังพยายามให้กำลังใจและช่วยให้เขามองโลกในแง่ดี
อย่างไรก็ตามคนใกล้ชิดที่คอยดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าควรหาวิธีดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน ควรทำร่างกายและจิตใจตัวเองให้แข็งแรงและมองโลกในแง่ดีมีความหวังและกำลังใจและหมั่นรักษาจิตใจให้เข้มแข็งอยู่เสมอหากพบว่าตนเองต้องการที่พึ่งด้านจิตใจควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ และมาพบนักจิตวิทยาไม่ควรปล่อยทิ้งไว้หรือละเลยการดูแลจิตใจของตัวเอง
นอกจากนี้ภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่นเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อวัยรุ่นไม่แพ้ในวัยผู้ใหญ่เช่นกัน
โรคซึมเศร้าในวัยรุ่นมีสาเหตุมากจากอะไร?
หลายคนเข้าใจว่าโรคซึมเศร้านั้นมักเกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่เท่านั้นแต่ในความเป็นจริงผลสำรวจกลับพบว่าปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าในผู้ใหญ่มักเริ่มจากวัยเด็กและวัยรุ่นตอนต้น แต่แสดงออกชัดเจนในช่วงวัยรุ่นตอนปลายจนถึงวัยผู้ใหญ่ ปัญหาโรคซึมเศร้าในวัยรุ่นนั้นมีความซับซ้อน และมักมีตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคซึมศร้าเพิ่มมากขึ้นเมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้วัยรุ่นมีภาวะเครียดหรือกดดัน
อาการของโรคซึมเศร้านั้นส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่มักนำไปสู่ความคิดที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ เหนื่อย ท้อแท้ สิ้นหวังจนทำให้อยากฆ่าตัวตาย โรคซึมเศร้าในวัยรุ่นมักเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมที่เติบโตขึ้นมา ความเครียดความกดดันในครอบครัว ความยากจนล้วนส่งผลต่อความคิดที่เป็นลบ และทัศนคติมุมมองที่มีต่อตัวเอง
นอกจากนี้โรคซึมเศร้าในวัยรุ่นอาจมีสาเหตุมาจากเรื่องความไม่มั่นใจในตัวเอง self-esteemต่ำ กังวลเรื่องรูปร่าง หน้าตา ปัญหาความอ้วน ปัญหาเรื่องเพื่อน การถูกกลั่นแกล้งอย่างต่อเนื่อง ปัญหาด้านการเรียน ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง การถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือได้พบเห็นเป็นพยานในเหตุการณ์ความรุนแรง หรือประสบเหตุกาณ์สะเทือนใจ อย่างไรก็ตามโรคซึมเศร้าไม่ว่าจะเกิดขึ้นในวัยใดล้วนส่งผลกระทบทีมีภาวะคล้ายกันคือผล กระทบด้านอารมณ์ ผลกระทบด้านจิตใจ ทำให้ภาวะด้านจิตใจและอารมณ์ไม่อยู่ในภาวะปกติและมักถูกรบกวนได้ง่ายอยู่ตลอดเวลา จนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้และเกิดความคิดที่อยากฆ่าตัวตายในที่สุด
ทัศนคติการมองโลกของวัยรุ่นทีเป็นโรคซึมเศร้าค่อนข้างโน้มเอียงไปในทางลบ มองโลกในแง่ร้าย มักรู้สึกหดหู่ ท้อแท้ไม่มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อ การที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ไม่มีอิสระภาพในเรื่องการเงิน ไม่มีวุฒิภาวะและมีการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลจึงทำให้ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองและบ่อยครั้งสัมพันธภาพในครอบครัวที่มีปัญหาก็มักส่งผลหรือเป็นตัวกระตุ้นในการเกิดโรคซึมเศร้าได้
อีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าในวัยรุ่น คือความยากจน อาการซึมเศร้าที่เห็นได้ชัด เช่น รู้สึกเศร้า มีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หดหู่ สิ้นหวัง
อย่างไรก็ตามหากมีความยากลำบากในชีวิตเกิดขึ้นโดยธรรมชาติแล้วคนเราจะมีวิธีการจัดการกับภาวะทางอารมณ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่หากมากเกินไปที่เราจะจัดการกับมันได้ก็จะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า และมีอาการต่างๆตามที่ได้กล่าวมา
เหตุการณ์อะไรบ้างที่มักส่งผลทำให้วัยรุ่นเกิดภาวะซึมเศร้า?
เหตุการณ์ที่ส่งผลต่อการเกิดโรคซึมเศร้าในวัยรุ่น เช่น พ่อแม่หย่าร้าง การเรียนตกต่ำ ถูกทำร้ายทางกายและจิตใจ อกหัก หรือถูกปล่อยปะละเลยไม่ดูแล ปัญหาความยากจน โดยสภาวะทางจิตใจเหล่านี้จะยังคงอยู่จนกระทั่งวัยรุ่นเติบโตเป็นผู้ใหญ่
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสาเหตุที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคซึมเศร้าในวัยรุ่น เช่น มาจากครอบครัวที่เคยมีประวัติของการเป็นโรคซึมเศร้า แต่ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่เคยประสบภาวะซึมเศร้าจะต้องเป็นโรคซึมเศร้าทุกคน เพราะถึงแม้ไม่เคยมีประวัติการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแต่ก็อาจเกิดเป็นโรคซึมเศร้าได้
ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงของฮอโมนที่อาจนำสู่ภาวะซึมเศร้า หรือการใช้สารเสพติดที่เข้าใจผิดว่าอาจช่วยบรรเทาความเครียดได้นั้นความจริงแล้วยิ่งส่งผลต่อภาวะทางอารมณ์ และรบกวนระบบประสาทและสมองของคนเป็นโรคซึมเศร้าได้
การช่วยเหลือวัยรุ่นที่เป็นโรคซึมเศร้าทำได้อย่างไร?
หากผู้ปกครองสังเกตอาการณ์ผิดปกติในวัยรุ่น และมีแนวโน้มที่เป็นสัญญาณอันตรายของโรคซึมเศร้าควรรีบไปพบผู้เชียวชาญ หรือพยายามหานักจิตวิทยาที่มีความเข้าใจ และเป็นมิตรกับวัยรุ่นเพื่อให้เขารู้สึกไว้ใจและสามารถที่จะแชร์ประสบการณ์ด้านลบที่เจอมาเพื่อช่วยแก้อาการจากภาวะซึมเศร้าให้เขาได้
แต่ส่วนใหญ่ปัญหาภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่นผู้ปกครองมักจะไม่รู้หรือไม่ได้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดทำให้ภาวะซึมเศร้าเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ดีวัยรุ่นแต่ละคนจะมีระดับความรุนแรงของภาวะซึมเศร้าที่ไม่เหมือนกัน
ดังนั้นการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด การใช้ยาต้านซึมเศร้าเพื่อปรับสมดุลของเคมีในสมองอาจทำให้ภาวะวิตกกังวลทุเลาลงในช่วงต้นแต่ความคิดด้านลบ วิธีคิดที่นำไปสู่ภาวะซึมเศร้ายังคงอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นการทำจิตบำบัดโดยไม่ใช้ยาจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ผลสำรวจจาก FDA ของประเทศสหรัฐในปี 2004 ได้ระบุว่า ยาต้านซึมเศร้ามีผลข้างเคียงที่กระตุ้นทำให้วัยรุ่นฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา จากสถิติ2 ใน 3 ของวัยรุ่นที่ใช้ยาต้านโรคซึมเศร้าดังนั้น การรักษาหรือได้รับความช่วยเหลือด้วยการ ทำ talk therapy และ psychotherapy จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่น
นอกจากนี้ความรัก และความเข้าใจในครอบครัวมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้ภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่นดีขึ้น และช่วยให้วัยรุ่นสามารถจัดการกับปัญหาที่เผชิญอยู่ให้ผ่านพ้นไปได้ ครอบครัวควรใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขและมีความเข้าใจกัน คุณพ่อ-คุณแม่ต้องให้ความใส่ใจในเรื่องการกิน ชีวิตความเป็นอยู่ การหลับนอนของวัยรุ่นให้มีสุขภาพกายที่ดี และควรอดทนต่ออารมณ์ที่ฉุนเฉียว แปรปรวน เนื่องจากภาวะซึมเศร้าด้วยความเข้าใจและให้อภัยและเชื่อมั่นว่าลูกจะมีโอกาสกลับมาหายเป็นปกติดังเดิม
หากลูกวัยรุ่นมีภาวะซึมเศร้าไม่ควรปล่อยทิ้งไว้และควรรีบพาไปพบนักจิตวิทยาเพื่อได้รับการแก้ไขและการบำบัดที่ถูกต้อง
อ้างอิง:
- NeuroCareGroup
- https://www.stanfordchildrens.org/en/topic/default?id=understanding-teenage-depression-1-2220
- https://kidshealth.org/en/parents/understanding-depression.html
- https://www.bettermindthailand.com/
- https://www.facebook.com/BettermindThailand