รู้ทันโรคซึมเศร้า

3669 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รู้ทันโรคซึมเศร้า

รู้ทันโรคซึมเศร้า

 

 

Dr. Marid Kaewchinda 

ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา

นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

นักจิตบำบัด EMDR Psychotherapy/ Brainspotting Psychotherapy

 

โรคซึมเศร้าคืออะไร

  โรคซึมเศร้า คือภาวะทางอารมณ์ที่ผิดปกติ และ เป็นอยู่ยาวนานติดต่อกันทุกวันเกิน 2 สัปดาห์ จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต การอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม หรืออุปสรรคการทำกิจวัตรประจำวันที่เคยชอบทำ

สาเหตุของโรคซึมเศร้า

  โรคซึมเศร้าเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละคนอาจไม่เหมือนกันแต่ที่พบโดยทั่วไปส่วนใหญ่เกิดจาก

  • ความเครียดสะสม ไม่ได้รับการแก้ไขจนระบบเคมีในสมองผิดเพี้ยน
  • ลักษณะบุคคลิกภาพของบุคคลนั้นที่มีมาแต่กำเนิด เช่น อ่อนไหวง่าย ขี้เหงา ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง
  • สิ่งแวดล้อมที่เติบโตมา  การเลี้ยงดู ประวัติคนในครอบครัวเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า วิกฤติที่ต้องเผชิญในชีวิต ประสบการณ์อันเลวร้าย
  • ฮอร์โมนลดลงกระทันหัน เช่น ภาวะหลังคลอดบุตร ซึ่งส่งผลต่อการปรับสมดุลของสารบางอย่างในสมอง ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้
  • การใช้สารเสพติด หรือ การติดเหล้า เป็นการกระตุ้นให้เกิดภาวะที่ไม่ปรกติ เสียสมดุลของสมองเป็นอย่างมาก และมีผลทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าที่รักษาได้ยาก


อาการของโรคซึมเศร้า

• รู้สึกท้อแท้ เศร้า เบื่อ หรือหงุดหงิดง่าย
• เลิกสนใจในสิ่งที่เคยชอบ
• มีปัญหาการกิน กินมากไปหรือกินน้อยไปจนทำให้น้ำหนักขึ้นหรือลงผิดปกติ
• มีปัญหาการนอน หลับยาก หรือนอนมากจนเกินไป
• มีอาการกระวนกระวาย หรือบางครั้งก็เฉื่อยชา
• รู้สึกหมดเรี่ยวแรง ไม่มีพลังไม่อยากลุกชึ้นมาทำกิจกรรม
• รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า หรือรู้สึกผิด และกล่าวโทษตัวเองในทุกเรื่อง
• ขาดสมาธิ ขาดความสงบ โฟกัสการทำงานไม่ได้ มีปัญหาเรื่องความคิดและการตัดสินใจ
• คิดถึงแต่เรื่องตาย  อยากตาย หรืออยากฆ่าตัวตาย

 


 

การรักษาอาการของโรคซึมเศร้า

  หากสังเกตุอาการพบว่าตัวเองหรือคนในครอบครัวมีอาการบื่อ เหนื่อยง่าย มีปัญหาการกิน การนอน ไม่อยากทำอะไร นอนมากเกินไปหรือไม่หลับไม่นอน ดูกระวนกระวาย ไม่มีสมาธิ และคิดถึงแต่เรื่องตาย และอาการเหล่านี้อยู่รบกวนจิตใจตลอดเวลายาวนานเกิน 2 สัปดาห์ และไม่หายไปหรือไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์หรือปรึกษานักจิตวิทยาเพื่อรับการรักษาให้ถูกวิธี การได้พูดคุยปรึกษากับนักจิตวิทยา หรือทำการบำบัดด้านจิตใจจะช่วยให้ภาวะซึมเศร้าดีขึ้น และ อาจกลับมาเป็นปกติได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา อย่างไรก็ตามควรปรึกษานักจิตวิทยาก่อนการรับยาจากแพทย์

 

 

นอกจากนี้อาการซึมเศร้ามีหลายระดับแต่ละคนมีอาการและภาวะซึมเศร้าไม่ที่เหมือนกัน วิธีการรักษาก็มีหลากหลาย สาเหตุของการเป็นโรคซึมเศร้ามีที่มาที่ไปที่ต่างกัน

หลายเทคนิคด้านจิตวิทยาที่สามารถแก้อาการซึมเศร้าหรือภาวะซึมเศร้าได้มักมีพื้นฐานมาจากการที่เราปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตหรือปรับเปลี่ยนวิธีการมองโลกให้เป็นบวก หรือใช้ความคิดที่มีมุมมองต่างไปจากที่เคยชินหรือเป็นอยู่ซึ่งการประยุกต์ใช้จะไม่เหมือนกันในแต่ละคน นักจิตวิทยาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลจิตใจสามารถให้คำแนะนำเราได้ และสามารถช่วยให้เรามีวิธีการดูแลด้านจิตใจที่ผสมผสานในหลากหลายเทคนิค

ดังนั้นการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในการรักษาจะดีกว่าการพึ่งยาต้านซึมเศร้าเพียงอย่างเดียว และแน่นอนว่ายามีผลต่อสมองและผลข้างเคียงอื่นๆที่อาจส่งผลเลวร้ายต่ออาการซึมเศร้าที่รุนแรงขึ้นในอนาคตที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เราจึงควรที่จะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และเหมาะสมในการปฎิบัติตัวและการใช้ชีวิตที่มีความสุขได้โดยไม่ต้องพึ่งการใช้ยา

หากรู้สึกว่่ามีอาการเหมือนภาวะซึมเศร้าดังที่กล่าวมา อาจนำเทคนิคเบื้องต้นนี้ไปใช้เพื่อช่วยเหลือตัวเองขั้นต้นก่อนได้ดังนี้


เทคนิคที่จะช่วยให้อาการซึมเศร้าดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยามีดังนี้

  • เรียนรู้เกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าของตัวเองให้มากที่สุด
  • เปิดใจในการรักษาเพื่อเรียนรู้และค้นพบวิธีที่เหมาะสมกับตนเอง
  • ไม่ควรพึ่งยาต้านโรคซึมเศร้าเป็นอันดับแรก เพราะยาไม่ได้เหมาะกับทุกคน และยามีผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อระบบประสาทและสมอง
  • พูดคุยกับคนในครอบครัว หรือ เพื่อนที่สนิทไว้ใจได้ ออกไปพบปะสังคมให้มากขึ้น
  • ปรับพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตบางอย่างที่ดีต่อการช่วยรักษาโรคซึมเศร้าและเป็นการป้องกันการกลับมาอีกในระยะยาว 


 
 
 
การดูแลผู้ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการซึมเศร้า

  ผู้ประสบภาวะซึมเศร้าจะมีความรู้สึกทุกข์ทรมานที่ต้องเผชิญกับความสิ้นหวังท้อแท้ กลัวเศร้าเสียใจโกรธโทษตัวเองอาการเหล่านี้ผู้ใกล้ชิดดูแลผู้มีภาวะซึมเศร้าสามารถช่วยเขาให้ทุเลาได้ด้วยความรักและความเข้าใจ ดูแลความเป็นอยู่ของเขารับฟังพยายามให้กำลังใจและช่วยให้เขามองโลกในแง่ดี 
 
อย่างไรก็ตามคนใกล้ชิดที่คอยดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าควรหาวิธีดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน ควรทำร่างกายและจิตใจตัวเองให้แข็งแรงและมองโลกในแง่ดีมีความหวังและกำลังใจและหมั่นรักษาจิตใจให้เข้มแข็งอยู่เสมอหากพบว่าตนเองต้องการที่พึ่งด้านจิตใจควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ และมาพบนักจิตวิทยาไม่ควรปล่อยทิ้งไว้หรือละเลยการดูแลจิตใจของตัวเอง
 
 
 
นอกจากนี้ภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่นเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อวัยรุ่นไม่แพ้ในวัยผู้ใหญ่เช่นกัน
 
โรคซึมเศร้าในวัยรุ่นมีสาเหตุมากจากอะไร?

หลายคนเข้าใจว่าโรคซึมเศร้านั้นมักเกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่เท่านั้นแต่ในความเป็นจริงผลสำรวจกลับพบว่าปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าในผู้ใหญ่มักเริ่มจากวัยเด็กและวัยรุ่นตอนต้น แต่แสดงออกชัดเจนในช่วงวัยรุ่นตอนปลายจนถึงวัยผู้ใหญ่ ปัญหาโรคซึมเศร้าในวัยรุ่นนั้นมีความซับซ้อน และมักมีตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคซึมศร้าเพิ่มมากขึ้นเมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้วัยรุ่นมีภาวะเครียดหรือกดดัน
 

อาการของโรคซึมเศร้านั้นส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่มักนำไปสู่ความคิดที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ เหนื่อย ท้อแท้ สิ้นหวังจนทำให้อยากฆ่าตัวตาย โรคซึมเศร้าในวัยรุ่นมักเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมที่เติบโตขึ้นมา ความเครียดความกดดันในครอบครัว ความยากจนล้วนส่งผลต่อความคิดที่เป็นลบ และทัศนคติมุมมองที่มีต่อตัวเอง 
 
นอกจากนี้โรคซึมเศร้าในวัยรุ่นอาจมีสาเหตุมาจากเรื่องความไม่มั่นใจในตัวเอง self-esteemต่ำ กังวลเรื่องรูปร่าง หน้าตา ปัญหาความอ้วน ปัญหาเรื่องเพื่อน การถูกกลั่นแกล้งอย่างต่อเนื่อง ปัญหาด้านการเรียน ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง การถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือได้พบเห็นเป็นพยานในเหตุการณ์ความรุนแรง หรือประสบเหตุกาณ์สะเทือนใจ อย่างไรก็ตามโรคซึมเศร้าไม่ว่าจะเกิดขึ้นในวัยใดล้วนส่งผลกระทบทีมีภาวะคล้ายกันคือผล กระทบด้านอารมณ์ ผลกระทบด้านจิตใจ ทำให้ภาวะด้านจิตใจและอารมณ์ไม่อยู่ในภาวะปกติและมักถูกรบกวนได้ง่ายอยู่ตลอดเวลา จนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้และเกิดความคิดที่อยากฆ่าตัวตายในที่สุด
 
 


ทัศนคติการมองโลกของวัยรุ่นทีเป็นโรคซึมเศร้าค่อนข้างโน้มเอียงไปในทางลบ มองโลกในแง่ร้าย มักรู้สึกหดหู่ ท้อแท้ไม่มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อ การที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ไม่มีอิสระภาพในเรื่องการเงิน ไม่มีวุฒิภาวะและมีการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลจึงทำให้ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองและบ่อยครั้งสัมพันธภาพในครอบครัวที่มีปัญหาก็มักส่งผลหรือเป็นตัวกระตุ้นในการเกิดโรคซึมเศร้าได้

อีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าในวัยรุ่น คือความยากจน อาการซึมเศร้าที่เห็นได้ชัด เช่น รู้สึกเศร้า มีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หดหู่ สิ้นหวัง
 
อย่างไรก็ตามหากมีความยากลำบากในชีวิตเกิดขึ้นโดยธรรมชาติแล้วคนเราจะมีวิธีการจัดการกับภาวะทางอารมณ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่หากมากเกินไปที่เราจะจัดการกับมันได้ก็จะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า และมีอาการต่างๆตามที่ได้กล่าวมา
 
 
 
 
เหตุการณ์อะไรบ้างที่มักส่งผลทำให้วัยรุ่นเกิดภาวะซึมเศร้า?

เหตุการณ์ที่ส่งผลต่อการเกิดโรคซึมเศร้าในวัยรุ่น เช่น พ่อแม่หย่าร้าง การเรียนตกต่ำ ถูกทำร้ายทางกายและจิตใจ อกหัก หรือถูกปล่อยปะละเลยไม่ดูแล ปัญหาความยากจน โดยสภาวะทางจิตใจเหล่านี้จะยังคงอยู่จนกระทั่งวัยรุ่นเติบโตเป็นผู้ใหญ่

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสาเหตุที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคซึมเศร้าในวัยรุ่น เช่น มาจากครอบครัวที่เคยมีประวัติของการเป็นโรคซึมเศร้า แต่ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่เคยประสบภาวะซึมเศร้าจะต้องเป็นโรคซึมเศร้าทุกคน เพราะถึงแม้ไม่เคยมีประวัติการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแต่ก็อาจเกิดเป็นโรคซึมเศร้าได้
 
ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงของฮอโมนที่อาจนำสู่ภาวะซึมเศร้า หรือการใช้สารเสพติดที่เข้าใจผิดว่าอาจช่วยบรรเทาความเครียดได้นั้นความจริงแล้วยิ่งส่งผลต่อภาวะทางอารมณ์ และรบกวนระบบประสาทและสมองของคนเป็นโรคซึมเศร้าได้
 


การช่วยเหลือวัยรุ่นที่เป็นโรคซึมเศร้าทำได้อย่างไร?

หากผู้ปกครองสังเกตอาการณ์ผิดปกติในวัยรุ่น และมีแนวโน้มที่เป็นสัญญาณอันตรายของโรคซึมเศร้าควรรีบไปพบผู้เชียวชาญ หรือพยายามหานักจิตวิทยาที่มีความเข้าใจ และเป็นมิตรกับวัยรุ่นเพื่อให้เขารู้สึกไว้ใจและสามารถที่จะแชร์ประสบการณ์ด้านลบที่เจอมาเพื่อช่วยแก้อาการจากภาวะซึมเศร้าให้เขาได้
 
แต่ส่วนใหญ่ปัญหาภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่นผู้ปกครองมักจะไม่รู้หรือไม่ได้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดทำให้ภาวะซึมเศร้าเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ดีวัยรุ่นแต่ละคนจะมีระดับความรุนแรงของภาวะซึมเศร้าที่ไม่เหมือนกัน
 
ดังนั้นการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด การใช้ยาต้านซึมเศร้าเพื่อปรับสมดุลของเคมีในสมองอาจทำให้ภาวะวิตกกังวลทุเลาลงในช่วงต้นแต่ความคิดด้านลบ วิธีคิดที่นำไปสู่ภาวะซึมเศร้ายังคงอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นการทำจิตบำบัดโดยไม่ใช้ยาจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
 
ผลสำรวจจาก FDA ของประเทศสหรัฐในปี 2004 ได้ระบุว่า ยาต้านซึมเศร้ามีผลข้างเคียงที่กระตุ้นทำให้วัยรุ่นฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา จากสถิติ2 ใน 3 ของวัยรุ่นที่ใช้ยาต้านโรคซึมเศร้าดังนั้น การรักษาหรือได้รับความช่วยเหลือด้วยการ ทำ talk therapy และ psychotherapy จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่น
 
นอกจากนี้ความรัก และความเข้าใจในครอบครัวมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้ภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่นดีขึ้น และช่วยให้วัยรุ่นสามารถจัดการกับปัญหาที่เผชิญอยู่ให้ผ่านพ้นไปได้ ครอบครัวควรใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขและมีความเข้าใจกัน คุณพ่อ-คุณแม่ต้องให้ความใส่ใจในเรื่องการกิน ชีวิตความเป็นอยู่ การหลับนอนของวัยรุ่นให้มีสุขภาพกายที่ดี และควรอดทนต่ออารมณ์ที่ฉุนเฉียว แปรปรวน เนื่องจากภาวะซึมเศร้าด้วยความเข้าใจและให้อภัยและเชื่อมั่นว่าลูกจะมีโอกาสกลับมาหายเป็นปกติดังเดิม
หากลูกวัยรุ่นมีภาวะซึมเศร้าไม่ควรปล่อยทิ้งไว้และควรรีบพาไปพบนักจิตวิทยาเพื่อได้รับการแก้ไขและการบำบัดที่ถูกต้อง
 
 
 

  อ้างอิง:

  1. NeuroCareGroup
  2. https://www.stanfordchildrens.org/en/topic/default?id=understanding-teenage-depression-1-2220
  3. https://kidshealth.org/en/parents/understanding-depression.html
  4. https://www.bettermindthailand.com/
  5. https://www.facebook.com/BettermindThailand

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้