Trauma คืออะไร? Trauma คือ บาดแผลหรือปมในใจ

21202 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Trauma คืออะไร? Trauma คือ บาดแผลหรือปมในใจ

Trauma คืออะไร?



 

 

ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา 

Marid Kaewchinda (Ph.D)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
นักจิตบำบัด EMDR Psychotherapy/ Brainspotting Psychotherapy Practitioner
 
 

Trauma หรือ ปมบาดแผลทางใจ

เป็นการตอบสนองทางด้านอารมณ์ที่เป็นผลกระทบมาจากประสบการณ์ด้านลบ ประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ โดยอาจเกิดขึ้นกับตนเองโดยตรงหรือเป็นผู้พบเห็นผู้อื่นถูกกระทำ เราเรียกเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เหล่านั้นว่า traumatic event

 

เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หรือ traumatic event มักส่งผลต่อการเกิดปมบาดแผลทางใจต่างๆ เช่น เหตุการณ์ที่เราถูกทำร้ายร่างกาย ถูกข่มขืน เด็กที่ถูกทารุณกรรมจากผู้ใหญ่ที่อุปการะเลี้ยงดู ความรุนแรงในครอบครัวการ การถูกทำร้ายทั้งทางกายและทางใจ ปัญหาชีวิตคู่การถูกนอกใจ การถูกล้อเลียน กลั่นแกล้ง ประสบการณ์สูญเสีย เหตุการณ์สะเทือนใจ เหตุการณ์ที่ทำให้หวาดกลัว ทหารที่ผ่านศึกในสงคราม เด็กที่ถูกปล่อยปละละเลย ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์อื่นที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันโดยไม่ทันตั้งตัว เช่นภัยพิบัติทางธรรมชาติเหล่านี้เป็นต้น เหตุการณ์ traumatic event มักสร้างให้เกิด trauma หรือปมบาดแผลทางใจ แต่ละคนจะมีการตอบสนองและการจัดการกับสภาวะทางอารมณ์เมื่อมีTraumaเกิดขึ้นจากเหตุการณ์หรือประสบการณ์อันเลวร้ายได้แตกต่างกัน และไม่เหมือนกันเลยในแต่ละคน

 

 

ผลกระทบจาก trauma มีอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่มักตอบสนองต่อ Traumatic event ในหลายรูปแบบ เช่นอาจปฎิเสธที่จะยอมรับมัน หรือ ทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งและจากนั้นก็จะค่อยๆดีขี้น

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถฟื้นฟูสภาวะทางจิตใจให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง หรือสามารถหายจากtrauma ที่เกิดจากประสบการณ์อันเลวร้ายนั้นได้ด้วยตัวเอง  เพราะฉนั้นหากเรามี trauma หรือปมบาดแผลทางใจควรรีบไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับการบำบัดด้านจิตใจและไม่ควรปล่อยทิ้งไว้

 


จะเกิดอะไรขึ้นหากเราปล่อย trauma (ปมบาดแผลทางใจ) ทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการเยียวยาให้หาย?

บาดแผลทางใจหากปล่อยทิ้งไว้ไปเรื่อยๆโดยไม่ได้รับการบำบัดรักษาด้านจิตใจให้หายเป็นปกติ จะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะด้านสุขภาพจิตที่แย่ลงและมีปัญหาสุขภาพร่างกายในเวลาต่อมา การไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยาสภาพวะด้านจิตใจให้เป็นปกติจะส่งผลเสียทำให้เกิดเป็นโรควิตกกังวล แพนิค เครียดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดตีบตัน eating disorderโรคอ้วน เบาหวาน มะเร็ง โรคซึมเศร้า  และเจ็บป่วยเป็น PTSD หรือ Post-traumatic stress disorder

 



Post-traumatic stress disorder (PTSD) คืออะไร?

PTSD เป็นภาวะด้านสุขภาพจิตที่ไม่ปกติหลังจากการเผชิญกับประสบการณ์อันเลวร้าย โดยอาการมักเกิดขึ้นเมื่อมีตัวกระตุ้นให้นึกถึงเหตุการณ์ที่ตนมีประสบการณ์อันเลวร้ายนั้น หรือบางครั้งความคิดถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้นก็โผล่ขึ้นมาในความคิดโดยไม่ทันตั้งตัวจนทำให้หวาดกลัวผวากับเหตุการณ์นั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

 



อาการที่พบบ่อยในPost-traumatic stress disorder (PTSD) คืออะไร?

PTSD เป็นภาวะทางด้านจิตใจที่มีปัญหา ซึ่งถูกรบกวนด้านความคิดอันเนื่องมาจากประสบการณ์ที่เลวร้ายและมักแสดงออกทางกายด้วยการมีภาพย้อนหวนนึกถึงเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์นั้นเกิดขึ้นอีกหรือ เรียกว่า อาการflash back นอกจากนั้นยังมักทำให้เกิดอาการฝันร้ายบ่อยๆอีกด้วย

PTSD มักส่งผลต่อภาวะเครียดรุนแรง หากเกิดในวัยเด็กยิ่งเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาวเมื่อเติบโต ภาวะทางจิตที่มักพบบ่อยหลังประสบเหตุการณ์เลวร้ายที่สะเทือนใจ เช่น เครียด กังวลทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า หวาดกลัว โกรธหงุดหงิด ฉุนเฉียว อารมณ์แปรปรวน มีความคิดลบอยู่ตลอดเวลาทั้งต่อตนเองและผู้อื่น กล่าวโทษตัวเอง กล่าวโทษผู้อื่น ไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต ไม่เชื่อใจใครไว้ใจใคร และตัดขาดจากสังคม คนรอบข้าง และพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ กิจกรรม สิ่งของ หรือผู้คนที่อาจทำให้หวนนึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายนั้นอีก หากบังเอิญพบสิ่งที่กระตุ้นความทรงจำอันเลวร้ายก็มักจะแสดงปฎิกิริยาก้าวร้าวโดยไม่มีสามารถจัดการควบคุมตัวเองแต่ก็ไม่เสมอไปทุกคน มักมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบเสี่ยงๆ และประมาท

 


การเกิด PTSD ใช้เวลานานแค่ไหนหลังเหตุการณ์ traumatic event?

อาการ PTSD สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาหลังประสบเหตุการณ์อันเลวร้าย โดยอาจเริ่มมีอาการประมาณ1เดือนหลังเหตุการณ์อันเลวร้าย หรืออาจกินเวลาเป็นหลายเดือนหรือเป็นปีก่อนที่อาการจะค่อยปรากฏ

อาการที่มีมักส่งผลต่อการหวนคิดถึงเหตุการณ์น่ากลัวนั้นอีกและบ่อยครั้งทำให้ไม่มีสมาธิในการโฟกัสและความคิดนั้นมักรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลา ทำให้หวาดผวา กลัว วิตกกังวล หวาดระแวง มีความคิดลบต่อการใช้ชีวิตและทัศนคติที่มีกับคนรอบข้าง



PTSD และ Complex PTSD ต่างกันอย่างไร?

Traumatic events ทำให้เกิด Truama และTruama ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และความรู้สึกและจิตใจทำให้เกิดเป็น PTSD หรือ Complex PTSD  ที่มักส่งผลต่อสภาวะด้านจิตใจที่รบกวนอารมณ์ ทำให้อารมณ์แปรปรวน ไม่คงที่ หงุดหงิด ฉุนเฉียว อารมณ์รุนแรง หรือบางครั้งทุกข์ระทม เศร้าโศก เปราะบาง อ่อนไหวง่าย หรือมีอาการซึมเศร้าซึ่งไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ล่วงหน้าได้ และมักจะเกิดขึ้นประจำ ๆ ส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตในปัจจุบันไม่สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้



รู้ได้อย่างไรว่าเรามีTrauma หรือปมบาดแผลทางใจ?

หลังเผชิญกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ มักสร้างให้เกิดปมบาดแผลทางใจหรือTruama และอาการมักแสดงออกดังนี้เช่น วิตกกัวล ควบคุมความคิดมากในเหตุการณ์เลวร้ายนั้นไม่ได้ ซึมเศร้า แยกตัวออกห่างสังคม หวาดกลัว รู้เจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ อับอาย เสียหน้า มีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ ติดสุรา อาการต่างๆเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนที่บอกว่าเรามีภาวะTrauma

Trauma หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการเยียวยาบำบัดด้านจิตใจอาจพัฒนาไปในทางเลวร้ายมากขึ้นทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่และเสี่ยงต่อการเกิด post-traumatic stress disorder (PTSD) หรือ Complex PTSD ได้

สาเหตุของ complex PTSD มักเกิดจาก traumatic events เหตุการณ์ที่สร้างปมบาดแผลทางใจที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานอย่าง trauma หากเกิดในช่วงวัยเด็ก เช่น การถูกทอดทิ้ง การถูกกระทำ การถูกทำร้ายทุบตี การถูกข่มขืนล่วงละเมิดหรือตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์มักสร้างให้เกิดความซับซ้อนในการเยียวยาด้านจิตใจ และเป็นการยากที่จะสามารถหลุดพ้นและฟื้นฟูการทำบำบัดจิตใจได้ด้วยตัวเอง

 

Traumaแบ่งออกเป็น 3ลักษณะดังนี้

1. Acute Trauma (บาดแผลทางใจเฉียบพลัน)

เป็นเหตุการณ์ที่กระทบทางใจอย่างรุนแรง อาจเป็นเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตความอยู่รอด เช่น ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเสียชีวิต หรือการหนีตายจากภัยพิบัติ หรือรอดตายจากสงครามการสู้รบในสนามรบเป็นต้น

2. Chronic Trauma (บาดแผลทางใจเรื้อรัง)

เป็นการถูกกระทำ หรือโดนทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง ที่พบบ่อยมักจะเป็นประสบการณ์ด้านลบในวัยเด็กที่ถูกทารุณกรรม ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทรมาน ถูกข่มขืน ถูกกลั่นแกล้ง ถูกล้อเลียน ถูกทอดทิ้ง เหตุการณ์เหล่านั้นมักเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นระยะเวลายาวนาน

3. Complex Trauma (บาดแผลทางใจซับซ้อน)

เป็นความซับซ้อนที่มีหลายเหตุปัจจัย หลายเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนคนนั้นและเกิดในหลายช่วงวัยทำให้ยากต่อการฟื้นคืนของสภาวะทางจิตใจได้ด้วยตัวเอง

 

Trauma ส่งผลกระทบต่อสภาวะทางจิตใจต่อคนในรูปแบบที่แตกต่างกัน การตอบสนองทางร่างกายของคนเราเมื่อถูกกระทบด้านจิตใจจนทำให้เกิดความตึงเครียด การถูกคุกคามจากอีกฝ่าย หรือความรู้สึกว่าตนตกอยู่ในอันตรายนั้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน (cortisol and Adrenaline) สาร 2 ตัวนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ


ดังนั้นในแต่ละคนจะเกิดอาการแสดงออกที่แตกต่างกันดังนี้

1. Freeze คือ นิ่งไม่ตอบสนอง

2. Flop ทำตามไม่ขัดขืน

3. Fight ต่อต้านไม่ทำตาม

4. Flight หลบหนี หลีกเลี่ยง

5. Fawn พยายามเอาใจอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้ถูกทำร้าย

การตอบสนองของร่างกายต่อความตึงเครียดที่เกิดจากผลกระทบด้านจิตใจนั้นส่งผลกระทบระยะยาวทั้งด้านร่ายกายและด้านจิตใจถึงแม้ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะจบไปแล้วก็ตาม ผลกระทบต่อเหตุการณ์เหล่านั้นส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติการมองโลก และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมตามมา

Trauma

นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางกายและใจที่ไม่ดีแล้วยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตัวเองด้วยเช่นกัน ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจหรือรู้สึกเป็นปมด้อยไม่มีคุณค่า ส่งผลกระทบด้าน self-esteem อีกด้วย ทำให้มีself-esteemที่ต่ำ ขาดความเชื่อมั่นด้านจิตใจ Trauma ทำให้คนอ่อนแอ เปราะบางด้านจิตใจและสามารถพัฒนากลายเป็นปัญหาความเจ็บป่วยเรื้อรังด้านร่างกายได้ เนื่องจากความเครียด และความวิตกกังวลเป็นเวลานานนับปี หรือเป็นหลายสิบปี มักส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจที่ทำงานสัมพันธ์กัน



  • ผลกระทบมาจากTrauma ทำให้เกิดข้อเสียอะไรบ้าง?
  • ทำให้ทุกข์ระทม อาจเป็นประสบการณ์จากการพลัดพรากหรือการสูญเสียคนสำคัญในชีวิต อาจสร้างบาดแผลทางใจและอาจทำให้ชีวิตเปลี่ยน ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
  • ทำร้ายตัวเอง เพื่อเป็นการปลดปล่อยความเจ็บปวดในใจหรือพยายามหลีกหนีจากความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ 
  • มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย และหาวิธีเพื่อจบชีวิต
  • มีพฤติกรรมเสพติด ทุกพฤติกรรมการเสพติดโดยส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากบาดแผลทางใจ หรือ trauma ไม่ว่าจะเป็นการเสพติดสารเสพติด แอลกอฮอล์ เสพติดการมีเซ็กส์ เสพติดการพนัน เสพติดการเล่นเกมส์ ฯลฯ
  • ผลเสียต่อปัญหาด้านสุขภาพร่างกายในระยะยาว 

จากงานวิจัยพบว่า ปมบาดแผลหรือTrauma หากปล่อยไว้ส่งผลต่อโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต อันเนื่องมาจากโรคต่อไปนี้ เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคตับอักเสบ โรคมะเร็ง เส้นเลือดอุดตันในสมอง โรคเบาหวาน ฆ่าตัวตาย ใช้ชีวิตอย่างประมาท รวมทั้ง การใช้ยาเกินขนาดด้วย เหล่านี้มักมีสาเหตุมาจากtrauma ที่ไม่ได้รับการรักษา

 


  •  

     
    Trauma และ Post-traumatic stress disorder (PTSD) กับการรักษาด้วยจิตบำบัด EMDR  

    ในปัจจุบันนักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาได้ค้นพบวิธีการรักษาTrauma ด้วยวิธีบำบัดและเทคนิคทางจิตวิทยาต่างๆ มากมาย

    จิตบำบัดอีเอ็มดีอาร์ หรือ EMDR trauma therapy นับว่าเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลถึงประสิทธิภาพในการรักษาที่เห็นผลอย่างชัดเจนในระยะเวลาอันสั้นเมื่อเทียบกับการปรึกษานักจิตวิทยาเพื่อพูดคุยในประเด็นปัญหาหรือการทำ counseling หรือtalk therapy แบบธรรมดาทั่วไป

    EMDR trauma therapy จะเข้าทำงานตรงกับสมองส่วนที่เก็บความทรงจำ หากความทรงจำด้านลบยังคงติดค้างอยู่ในสมองเมื่อเจอตัวกระตุ้นสมองจะตอบสนองด้านอารมณ์ที่เร็วและรุนแรงทันที ดังนั้นEMDR trauma therapy จึงเข้าจัดการกับผลกระทบด้านความทรงจำอันเลวร้ายที่ติดค้างอยู่เพื่อให้สมองลดความตึงเครียด อย่างไรก็ตามควรได้รับการทำบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมด้าน EMDR trauma therapy มาอย่างดีโดยเฉพาะเท่านั้น



หากต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลทางใจจนเกิดเป็น Trauma จากประสบการณ์อันเลวร้ายต่างๆไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ให้ค้างอยู่ในใจ แต่ควรได้รับการรักษาเพื่อให้เราสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้มีความสุขอย่างแท้จริง การปล่อยปมบาดแผลให้ติดค้างอยู่ในใจ ทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการเยียวยาแก้ไข ส่งผลกระทบด้านอารมณ์ที่ไม่คงที่ ทำให้สภาวะทางจิตใจถูกรบกวน และทำงานไม่เป็นปกติส่งผลเสียต่อปัญหาสุขภาพจิตในอนาคต

นอกจากนี้การไม่ดูแลบำบัดจิตใจยังกระตุ้นให้เกิดปัญหาด้านอารมณ์ที่รุนแรงอื่นๆตามมาอีกด้วย รวมทั้งสุขภาพทางกายก็ได้รับผลกระทบเกิดเป็นโรคและความเจ็บป่วยต่างๆเนื่องจากร่างกายมักถูกกระตุ้นภาวะทางจิตอยู่ตลอดเวลา

รวมทั้ง Trauma ยังส่งผลกระทบด้านความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับคนรอบข้างและคนในครอบครัวอีกด้วย การทำจิตบำบัดใจและการมาพูดคุยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยลดปัญหาด้านร่างกายและเยียวยาด้านจิตใจที่เกิดจากtrauma หรือปมบาดแผลทางใจให้กลับมาเป็นปกติ และทำให้ช่วยลดภาวะการเกิดPTSD หรือ complex PTSD ในเวลาต่อมาได้ 

 

อ้างอิง
https://www.camh.ca/en/health-info/mental-illness-and-addiction-index/trauma#:~:text=Trauma%20is%20the%20lasting%20emotional,regulate%20emotions%20and%20navigate%20relationships.
https://www.mind.org.uk/information-support/types-of-mental-health-problems/trauma/effects-of-trauma/
https://www.apa.org/ptsd-guideline/treatments/eye-movement-reprocessing
https://www.psychiatry.org/patients-families/ptsd/what-is-ptsd
https://www.psychologytoday.com/intl/blog/relationship-and-trauma-insights/202101/how-know-if-you-or-loved-one-is-suffering-trauma

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้